ช.การช่าง คว้ารางวัลการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาว 9 ปี ต่อเนื่อง ลุยประมูลเมกะโปเจกต์ปี 67 ดัน Backlog ตุนกำไรในช่วง 3 ปี อย่างสดใส
บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK รับรางวัลการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ 5 ดาว หรือ ระดับดีเลิศ (Excellent CG Scoring) ติดต่อกันเป็นปีที่ 9 และได้รับการประเมิน ESG Rating ในระดับ A จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประจำปี 2566 ตอกย้ำศักยภาพการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนทุกมิติ
นายณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK) เปิดเผยว่า สำหรับปี 2567 บริษัทมีความพร้อมลุยประมูลโครงการเมกะโปรเจ็กต์ที่เริ่มทยอยเปิดประมูลช่วงต้นปีอีกหลายโครงการ อาทิ โครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 งามวงศ์วาน – พระราม 9 (Double Deck) วงเงิน 35,000 ล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) วงเงิน 96,000 ล้านบาท
ทั้งนี้คาดว่าจะมีความชัดเจนและสามารถลงนามในสัญญาได้ ส่งผลให้บริษัทสามารถเติม Backlog ในมือได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีโครงการที่รอเปิดประกวดราคา เช่น โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย วงเงิน 30,000 ล้านบาท, โครงการก่อสร้างทางวิ่ง (รันเวย์) เส้นที่ 2 และทางขับ สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา วงเงิน 16,000 ล้านบาท และ โครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันออกของอาคารผู้โดยสาร (East Expansion) วงเงิน 10,000 ล้านบาท โครงการทางพิเศษฉลองรัชส่วนต่อขยาย ช่วงจตุโชติ – ลำลูกกา วงเงิน 19,000 ล้านบาท และ โครงการทางพิเศษระหว่างเมือง ช่วงบางขุนเทียน – บางบัวทอง (M9) วงเงิน 46,000 ล้านบาท เป็นต้น
สําหรับปี 2567 ฝ่ายวิจัยเชื่อว่า CK จะมีรายได้ก่อสร้างเพิ่มขึ้นอีก เพราะนอกจากโครงการโรงไฟฟ้าหลวงพระบางที่จะมีการรับรู้รายได้ต่อเนื่องแล้ว โครงการสําคัญอื่นๆ ใน Backlog ได้แก่ งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ จะเริ่มใช้หัวเจาะงานอุโมงค์ ซึ่งจะทําให้มีความคืบหน้าของงานเพิ่มขึ้นมากเช่นเดียวกับโครงการรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงของ ที่จะเข้าสู่ขั้นตอนการขุดอุโมงค์ลอดภูเขา
ปัจจัยพื้นฐานของ CK ที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นมูลค่า Backlog ที่กําลังจะทําจุดสูงสุดครั้งใหม่ได้ในช่วงเวลาไม่นานจากนี้ การฟื้นตัวของบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ที่จะกลับมาทํากําไรได้ในระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ส่งผลให้ทิศทางกําไรของ CK ในช่วง 3 ปีข้างหน้าสดใส
ขณะที่งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าหลวงพระบางจะมีบทบาทสําคัญต่อรายได้ CK ในช่วงหลายปีข้างหน้า ขณะที่งานในมือกําลังเข้าสู่ช่วงพีคของการรับรู้รายได้ ทําให้ธุรกิจก่อสร้างระหว่างปี 2566-2568 มีความโดดเด่นมาก นอกจากนี้ CK ยังมีโอกาสคว้างานใหญ่เพิ่มอีกหลายโครงการ ที่จะดันมูลค่า Backlog ขึ้นได้อีก
สำหรับผลการดำเนินงานของ CK ในรอบ 9 เดือนของปี 2566 บริษัทมีผลประกอบการเป็นบวกตามที่คาดการณ์ โดยรับรู้รายได้จากการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ในปีนี้เป็นจำนวนมากทั้งโครงการในประเทศและต่างประเทศ อาทิโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงด้านใต้ ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ, โครงการรถไฟทางคู่สายเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ และโครงการไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง ในสปป.ลาว ที่สามารถทยอยรับรู้รายได้ในสัดส่วนที่มากขึ้น ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทในปี 2566 มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ CK ยังได้รับส่วนแบ่งกำไรและเงินปันผลจากบริษัทในกลุ่ม อย่างบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) บริษัท ซีเคพาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKP) และบริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) (TTW) ที่ช่วยสนับสนุนผลประกอบการได้เป็นอย่างดี โดยในไตรมาสนี้ CK มีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 595 ล้านบาท และยังได้รับเงินปันผลเข้ามาจาก TTW จำนวน 232 ล้านบาทอีกด้วย