VMPC มองอนาคตวงการอสังหาฯไทย ส่อแววดียาวถึงปี 62

นายปริญญา เธียรวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.เอ็ม.พี.ซี. จำกัด หรือ VMPC ผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งเพื่อขายและให้เช่า เปิดเผยว่า สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในช่วงปลายปี 2560 ที่ผ่านมาต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ คาดว่ามีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น

“คาดว่า NPL ปี 2561 น่าจะยังเพิ่มขึ้นแต่จะเป็นอัตราที่ค่อยๆปรับตัวลดลง มองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีเป้าหมายเป็นตลาดระดับกลางถึงระดับล่างเป็นกลุ่มที่ต้องกู้เงินแบงก์มาซื้อจะเริ่มฟื้นตัว แต่ถ้าจะให้ซื้อง่ายขายคล่องจริงๆคงต้องเป็นปี 2562 ส่วนอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นระดับท็อปไลน์หรือไฮเอนด์ยังเติบโตได้ เนื่องจากดีมานด์ที่อยู่อาศัยระดับบนเป็นคนที่มีเงินในกระเป๋าอยู่แล้ว คือ อารมณ์อยากซื้อก็ซื้อ ไม่อยากซื้อก็คือไม่ซื้อ”

อย่างไรก็ตามส่วนของบริษัทยังคงเน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งเพื่อขายและให้เช่าโดยในส่วนของอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ล่าสุดที่เปิดตัวโครงการ”แอสเทรา เบลส” ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง ติดถนนพระราม 2 กม.5 พื้นที่โครงการรวมประมาณ 28 ไร่ จำนวน 221 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 2,100 ล้านบาท ได้รับการออกแบบด้วยคอนเซ็ปต์ ทาวน์โฮมแนวคิดใหม่ที่ไม่เหมือนใคร เน้นความหรูหราในสไตล์โมเดิร์น พร้อมจุดเด่น Free Space Design ด้วยการดีไซน์ทุกพื้นที่ภายในบ้านที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย พร้อมฟังก์ชันใช้สอยสุดคุ้มค่า โดยแบ่งเป็น 4 เฟส ขณะนี้เปิดเฟส 2 แล้ว ตั้งเป้าจะปิดการขายภายในระยะเวลา 1 ปี

สำหรับอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า ล่าสุด บริษัทได้พัฒนาโครงการ โอ๊ควูด โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนท์ ศรีราชา โรงแรมระดับ 5 ดาว สูง 44 ชั้น จำนวนห้องพัก 458 ห้อง บนเนื้อที่ 12 ไร่ ใจกลางอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี มูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท ได้รับการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Modern Oriental Style เริ่มดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2558 และมีกำหนดจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ปลายปี 2561 ซึ่งในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2560 ได้เปิดให้บริการเฟสแรก จำนวน 220 ห้อง ด้วยมาตรฐานบริการระดับโลก ปรากฏว่าผลตอบรับดีมาก มียอดจองห้องจัดประชุมสัมมนาและงานอีเวนต์อย่างต่อเนื่อง

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.เอ็ม.พี.ซี. จำกัด เปิดเผยเพิ่มเติมว่าบริษัททำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่โฟกัสทั้งตลาดเพื่อขายและให้เช่า ซึ่งเป็นการบริหารความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวน โดยปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายอยู่ที่ 60 เปอร์เซ็นต์ และให้เช่าอยู่ที่ 40เปอร์เซ็นต์ โดยอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเน้นเจาะตลาดระดับบน ในทำเลศักยภาพ ติดถนนสายหลัก ส่วนอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า เน้นกลุ่มเป้าหมายระดับกลางที่เป็นนักศึกษาและคนทำงาน