TST สู่ปีที่ 34 เพิ่มผลิตชู ISO 9001: 2015 , IATF 16949: 2016 รุกอุตฯอิเล็กฯ/ยานยนต์ปี 67

สู่ปีที่ 34 โตชิบา เซมิคอนดัคเตอร์ เดินแผนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (High Efficiency Process) การันตีมาตรฐาน ISO 9001: 2015 และ IATF 16949: 2016 พร้อมให้ความสำคัญด้านการพัฒนาบุคลากร และดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมยานยนต์ขยายตัวยุคดิจิทัล

บริษัท โตชิบา เซมิคอนดัคเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (TST) เป็นบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ประเภทเซมิคอนดัคเตอร์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบในกลุ่มสินค้าประเภทต่างๆ เช่น สมาร์ตโฟน แท๊ปเล็ต โน้ตบุ๊ค รวมถึง เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่เป็นระบบดิจิตอล ถึงแม้อุปกรณ์สำหรับสัญญาณขนาดเล็กและอุปกรณ์ออปโต โดยเฉพาะโฟโตคัปเปลอร์ (photocouplers) ที่ TST ผลิตจะมีขนาดเล็ก แต่ก็นับเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในโลกที่เชื่อมต่อถึงกันมากขึ้นเรื่อยๆ ในยุคดิจิทัล

            สำหรับการผลิตบริษัทฯ มีการปรับปรุงผังการจัดวางสายการผลิตเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตให้ได้สูงสุด การลงทุนปรับปรุงกระบวนการผลิตหรือที่เรียกว่า กระบวนการประสิทธิภาพสูง (High Efficiency Process) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต ลดวัตถุดิบเหลือทิ้ง และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ช่วยควบคุมกระบวนการผลิต นอกจากนั้น บริษัทฯยังได้ผ่านการรับรองมาตรฐานระบบการจัดการคุณภาพ ทั้ง ISO 9001: 2015 และ IATF 16949: 2016 เพื่อรองรับลูกค้าและอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยอีกด้วย

นอกเหนือจากอุปกรณ์สำหรับสัญญาณขนาดเล็กและอุปกรณ์ออปโตที่ TST ผลิตก้าวสู่ปีที่ 34  TST ยังได้รับการถ่ายโอนให้ดูแลอุปกรณ์กำลัง (Power Device) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการประหยัดพลังงาน เพื่อตอบสนองความต้องการอุปกรณ์ประเภทนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น บริษัท โตชิบา อิเล็กทรอนิกส์ ดีไวซ์ แอนด์ สโตเรจ คอร์ปอเรชั่น (TDSC) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของTST ในญี่ปุ่น ได้เร่งขยายการผลิตอุปกรณ์กำลังทั้งในกระบวนการส่วนหน้าและส่วนหลัง โดยได้ลงทุนในการผลิตแผ่นเวเฟอร์ขนาด 300 มม. ที่คากะ โตชิบา อิเล็กทรอนิกส์ คอร์ปอเรชั่น จังหวัดอิชิคาวะ ประเทศญี่ปุ่น และสายการผลิตที่ TST ทั้งนี้ TST มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการขยายสายการผลิตให้เป็นไปอย่างราบรื่นและลดเวลาการผลิตให้เหลือน้อยที่สุด แม้ในช่วงที่มีสถานการณ์โควิดระบาด วิศวกรที่เก่งกาจของบริษัทฯในประเทศไทยก็ยังสามารถติดตั้งสายการผลิตได้สำเร็จโดยไม่ต้องให้ทางญี่ปุ่นลงไปสนับสนุนในพื้นที่โรงงานเลย นอกจากนั้น ทางทีมยังทำงานกับ TDSC อย่างใกล้ชิดเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ใช้ผลิตอุปกรณ์กำลัง จากทางไกลในช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ด้วย

เนื่องจาก TST เป็นโรงงานผลิตอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำที่ดูแลกระบวนการส่วนหลังที่ใหญ่ที่สุดของโตชิบา ทางโตชิบาจึงคาดหวังให้ TST ทำหน้าที่เป็นฐานการผลิตหลักในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก รวมถึงลงทุนเพื่อนำผลิตภัณฑ์อื่นมาผลิตที่นี่ เช่น อุปกรณ์กำลัง ซึ่งมีการใช้งานในหลากหลายวงการ ทั้งในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคทั่วไป ยานยนต์ และอุปกรณ์อุตสาหกรรม

ทางด้านบุคลากรบริษัทฯเชื่อมั่นว่าบุคลากรเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุด พนักงานท้องถิ่นจำนวน 1,000 คนได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและเข้าแข่งขันด้านเทคนิคกับพนักงานจากทั่วทั้งกลุ่มในแต่ละปีเพื่อเพิ่มศักยภาพของระดับท้องถิ่นในการสนับสนุนกระบวนการผลิตส่วนหลังขนาดใหญ่ นอกจากนั้น  TST ยังส่งเสริมโครงสร้างองค์กรแบบกระจายอำนาจที่เคารพการตัดสินใจในการทำงานจริงและมุ่งส่งเสริมให้พนักงานตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง รวมถึงมอบทุนการศึกษาให้แก่นิสิตนักศึกษาที่เลือกเรียนในประเทศไทยและญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มศักยภาพด้านวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์อุตสาหการ

TST มีความมุ่งมั่นคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิตและโรงงาน ทั้งยังได้เข้าร่วมในโครงการประหยัดพลังงานด้วยการตรวจสอบและควบคุมการใช้พลังงานรายวัน ทั้งนี้ นอกจากจะเน้นออกแบบโรงงานตามหลักการโรงงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว TST ยังได้ติดตั้งหลอดไฟแอลอีดีประหยัดทั้งโรงงานและออกแบบอาคารให้มีแสงธรรมชาติเข้าถึงในพื้นที่การผลิตด้วย

ประธานบริษัท TST นายมาซาฮิโระ โอกุชิ กล่าวว่า “โตชิบา เซมิคอนดัคเตอร์ (ประเทศไทย) พร้อมรองรับความต้องการอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำชนิดดีสครีตของทั้งโลก เราได้รับการสนับสนุนที่เข้มแข็งจากรัฐบาล มีโครงสร้างพื้นฐานทันสมัย ขีดความสามารถในการผลิตที่มีประสิทธิภาพ และเครือข่ายเชื่อมโยงระดับโลก ทั้งยังมีพนักงานทักษะสูงที่พร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่คึกคักของไทย ทั้งนี้ TST ยังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่เป็นฐานการผลิตเชิงยุทธศาสตร์ของบริษัทในเครือข่ายของโตชิบาเพื่อรองรับการก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลทั้งในปัจจุบันและอนาคต”