PTT ก้าวสู่ปีที่ 40 ยิ้มรับ 3 รางวัลจากเวทีรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยม ปี 2561 เตรียมบุกทุกพื้นที่เจาะตลาดอาเซียน

บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) หรือ PTT ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ปี2521 เพื่อประกอบธุรกิจก๊าซธรรมชาติและน้ำมันปิโตรเลียมครบวงจร และธุรกิจปิโตรเคมีที่เน้นการใช้ก๊าซธรรมชาติ โดยในปี 2561นี้ บริษัทเข้าสู่ครบรอบ 40 ปี ของการดำเนินงาน ซึ่งในปี 2560 ที่ผ่านมาบริษัทได้วางงบประมาณเพื่อพัฒนาธุรกิจให้ครอบคลุมหลากหลายมากที่สุดและสาราถคว้ารางวัลรัฐวิสาหกิจยอดเยี่ยมประจำปี 2560 ถึง 3 รางวัล ได้แก่ รางวัลการเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใสดีเด่น,รางวัลการดำเนินงานเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมดีเด่น และ รางวัลนวัตกรรมดีเด่นโดยมีนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานกรรมการและนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) นำคณะผู้บริหารเข้ารับรางวัล ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง

ขณะเดียวกันในปี 2561 ปตท. ได้ยื่นประมูลซื้อกิจการโครงการปิโตรเลียมขั้นต้น1แห่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆนี้

นายวิศาล ชวลิตานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่การตลาดต่างประเทศของ PTT เปิดเผยว่า ปตท.ยังคงนำธุรกิจน้ำมันเดินหน้ารุกตลาดอาเซียนต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังที่จะสร้างแบรนด์ปตท.ให้เป็นที่รู้จักและเป็น region top brand โดยตามแผน 5 ปี จะมีสถานีบริการน้ำมันในอาเซียน 535 แห่ง จาก 190 แห่งในปัจจุบัน และร้านกาแฟคาเฟ่ อเมซอน 400 สาขา จาก 120 สาขาในปัจจุบัน และร้านจิฟฟี่ 120 สาขา จาก 30 สาขาในปัจจุบัน

ปัจจุบันปตท.มีฐานการทำธุรกิจน้ำมันในอาเซียนอยู่ 4 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์, ลาว, กัมพูชา และเมียนมา โดยการขยายเข้าไปตลาดลาวและกัมพูชาเนื่องจากเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยม ขณะที่ตลาดฟิลิปปินส์ถือว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีโอกาสเติบโต ส่วนในเมียนมาปัจจุบันไม่ได้เข้าไปลงทุนเอง เพราะยังติดข้อกฎหมายแต่ก็ได้ทำตลาดด้วยการขายน้ำมันให้ลูกค้าโดยใช้แบรนด์ปตท.ดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม ปตท.อยู่ระหว่างการศึกษาการร่วมลงทุนกับพันธมิตรในเมียนมาเพื่อทำธุรกิจน้ำมัน หลังจากล่าสุดได้รับทราบว่าเมียนมาเปิดโอกาสให้เข้าไปร่วมลงทุนกับพันธมิตรท้องถิ่นได้เท่านั้นโดยยังไม่อนุญาตให้เข้าลงทุนทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ทำให้ปตท.จะเข้าไปร่วมลงทุนและมีโอกาสลงทุนสถานีบริการน้ำมันได้เอง

นอกจากนี้ปตท.ยังศึกษาการตั้งคลังน้ำมันในประเทศฟิลิปปินส์อีก1แห่งจากปัจจุบันที่เป็นเพียงการเช่าคลังน้ำมันอยู่ 2 แห่ง ทางตอนเหนือของกรุงมะลิลา ขนาด 90 ล้านลิตร และ 20 ล้านลิตร ซึ่งการสร้างคลังน้ำมันเป็นของตนเองในครั้งนี้คาดว่าจะอยู่พื้นที่ตอนใต้ เพื่อที่จะแก้ปัญหาหากพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งประสบปัญหาขาดแคลนอาจอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อยในประเทศฟิลิปปินส์โดยคาดว่าจะสรุปผลได้ในปีหน้าและใช้เวลาก่อสร้างราว 1-2 ปี

“บริษัทอยากจะเข้าไปในทุกตลาดของอาเซียนโดยเฉพาะในส่วนของoil แต่บางประเทศยังไม่เปิดโอกาส อย่างมาเลเซีย เวียดนาม บูรไน ยังไม่เปิดเสรีให้ต่างชาติเข้าไปทำน้ำมันได้ เราก็เอาในส่วนของ non-oil เข้าไปก่อน ตอนนี้ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นเราเข้าไปในทุกตลาดของอาเซียนได้แล้ว ส่วนคาเฟ่ อเมซอน ร้านค้าปลีก ก็ทยอยเข้าไป”