6 ทศวรรษเชฟรอน พลิกโฉมสู่พลังงานสะอาด 100 เปอร์เซ็นต์

บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ฉลองการครบรอบ 60 ปี ฉลองวาระสำคัญในการดำเนินพันธกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทย ตอกย้ำความเชื่อมั่นในพลังคนและพลังความร่วมมือที่ทำให้เชฟรอนเดินหน้าเต็มกำลังเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานตอบสนองความต้องการของประเทศ

            นายชาทิตย์ ห้วยหงษ์ทอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด  เปิดเผยว่า ตลอด 6 ทศวรรษของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เชฟรอนมุ่งมั่นดำเนินภารกิจจัดหาพลังงานให้กับประเทศด้วยความปลอดภัย โดยเป็นบริษัทเอกชนรายแรกที่ค้นพบและสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้จากอ่าวไทย  ซึ่งช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาเชฟรอนสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติรวมกว่า 17.2 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต รวมทั้งผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเหลวรวมกว่า 1,064 ล้านบาร์เรล เพื่อนำไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและเป็นเชื้อเพลิงให้กับภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือนของประเทศ

            ทั้งนี้ ด้วยความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีและการมุ่งให้ความสำคัญกับพลังคนผ่านวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง เป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความแตกต่าง และทำให้เชฟรอนยังคงเป็นบริษัทพลังงานเคียงคู่คนไทยจนถึงปีที่ 60 นี้ พร้อมเดินหน้าสู่ก้าวถัดไปอย่างแข็งแกร่งกว่าเดิม โดยสำหรับบทถัดไป บริษัทได้มุ่งปรับตัวสู่การเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน ด้วยความมุ่งมั่นในการยกระดับขีดความสามารถในการส่งมอบพลังงานที่สะอาดขึ้น อย่างปลอดภัย และเชื่อถือได้ เพื่อปลดล็อกความมั่นคงพลังงานไทย พร้อมคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในทุกย่างก้าว ควบคู่ไปกับการสร้างประโยชน์ให้กับสังคมต่อไป

            ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด  กล่าวอีกว่า เราภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเปลี่ยนแปลง ทั้งในด้านการจัดหาพลังงานของประเทศ ไปจนถึงการพัฒนาชุมชนและสังคม ควบคู่การสร้างความยั่งยืนผ่านหลายร้อยโครงการพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยปัจจัยแห่งความสำเร็จดังกล่าว มาจากวิธีการทำงานที่มุ่งมั่นและลงมือทำอย่างจริงจังเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งฝังลึกอยู่ใน DNA ของเรา โดยสามารถนิยามความเป็นเชฟรอนสั้นๆ เป็นสามคำที่เรียบง่ายกับหัวใจหลัก 3P เริ่มจาก People เราให้ความสำคัญสูงสุดกับการพัฒนา พลังคน โดยถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะที่เอื้อให้พนักงานบรรลุศักยภาพสูงสุดของตนเอง ในปัจจุบัน เชฟรอนเป็นบริษัทพลังงานระดับโลก ที่บริหารโดยผู้บริหารคนไทยเป็นหลัก และมีพนักงานเป็นคนไทยถึง 99 เปอร์เซ็นต์ และด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของคนที่มีอยู่อย่างไม่จำกัด เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาคนทั้งในอุตสาหกรรมพลังงานและในสาขาอื่นๆ ด้วยเช่นกัน  Performance เรามุ่งสร้างผลการดำเนินงานชั้นแนวหน้า รวมทั้งความสามารถในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีและการปฏิบัติงานทั่วโลก ซึ่งในวันนี้เราพร้อมแล้วที่จะออกเดินทางสู่โอกาสและสร้างความสำเร็จครั้งใหม่ เพื่อเจตนารมณ์สูงสุดในการสร้างความยั่งยืนทั้งด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม และสังคมในเส้นทางธุรกิจของเชฟรอนต่อไป

            “ในฐานะบริษัทน้ำมันและก๊าซแห่งแรกที่ได้รับสัมปทานสำรวจปิโตรเลียมในประเทศไทย และไม่หยุดยั้งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขุดเจาะให้เร็วขึ้น พร้อมให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง จนเดินทางมาสู่ผู้นำการพัฒนาธุรกิจสำรวจและผลิตเคียงคู่คนไทยในวันนี้ นอกจากนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจเป็นอย่างมาก คือพันธกิจของเชฟรอนในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยผ่านโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โครงการ Chevron Enjoy Science ซึ่งเชฟรอนเป็นบริษัทหนึ่งเดียวที่ทุ่มทุนส่งเสริมเด็กไทยด้านสะเต็มศึกษา ไปจนถึงการระดมกำลังช่วยเหลือทีมหมูป่า และโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมมากมาย ที่นอกจากเชฟรอนจะมุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนสอดคล้องกับแผนพลังงานชาติตาม Roadmap ของประเทศไทยแล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญในฐานะประชาคมโลกช่วยจำกัดอุณหภูมิโลกให้อยู่ที่ 1.5 องศาตามข้อตกลงปารีสอีกด้วย โดยการเชื่อมั่นในพลังคน หรือ Human Energy ของเชฟรอน ได้นำพาบริษัทให้ประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้”

เชฟรอนยังตั้งเป้าขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำที่สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด  นำเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS) ที่ได้นำมาประยุกต์ใช้เพื่อดักจับก๊าซคาร์บอนจากการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะขับเคลื่อนให้หลากหลายอุตสาหกรรมบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม โดยเชฟรอนได้เดินหน้าอย่างเต็มความสามารถในการใช้ศักยภาพและทรัพยากรทั้งหมดที่มี สนับสนุนเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอนในปี  2593 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2608 ของประเทศไทย เพื่อพลิกโฉมพลังงานโลกให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นต่อไป