52 ปีแห่งความสำเร็จ “แสงฟ้าก่อสร้าง” ก้าวสู่ธุรกิจใหม่แห่งวงการอสังหาฯอย่างเต็มตัว รูดม่านเปิดโครงการ Yuu ศรีราชา ทยอยรับรู้งานในมือ 6 พันล้าน มั่นใจโกยหมื่นล้านภายในปี 2563

บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศมากว่า 52 ปี ในปีนี้ได้ขยายธุรกิจเข้าสู่ผู้ประกอบการอสังหาอย่างเต็มตัวภายหลังซื้อหุ้นจากเครือณุศาศิริ 100 เปอร์เซ็นต์ รวมมูลค่า350 ล้านบาท จัดตั้งบริษัท เอสเอฟซี เวนเจอร์ ศรีราชา จำกัด ขึ้นเพื่อพัฒนาโครงการ ณุศา ศรีราชา

นพ.เชิดศักดิ์ อัมพรสุขสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด เปิดเผยว่า เดิมทีเมื่อปี 2560 บริษัทเข้าร่วมถือหุ้นในบริษัท ณุศา ศรีราชา คอนโดเทล จำกัด ในเครือบริษัท ณุศาศิริ จำกัด(มหาชน)ในสัดส่วน 50 เปอร์เซ็นต์ แต่เนื่องจากสัดส่วนการถือหุ้นที่เท่ากันทำให้สถาบันการเงินไม่อนุมัติสินเชื่อ โครงการทางกลุ่มณุศาศิริจึงยอมให้กลุ่มแสงฟ้าก่อสร้างถือหุ้นเพิ่มเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ และให้เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการดังกล่าว แต่เมื่อต้นปี 2561 ที่ผ่านมาทางกลุ่มณุศาศิริ มีความจำเป็นต้องขายหุ้นที่เหลือ40 เปอร์เซ็นต์ ให้กับกลุ่มแสงฟ้าก่อสร้าง ส่งผลให้กลุ่มแสงฟ้าเป็นผู้ถือหุ้นในเครือณุศาศิริเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์

“ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงส่งผลให้บริษัทมีโอกาสเข้ามาดำเนินธุรกิจในรูปแบบของผู้ประกอบการอสังหาฯเป็นครั้งแรก และเปลี่ยนชื่อบริษัท ณุศา ศรีราชา คอนโดเทล จำกัด เป็นบริษัท เอสเอฟซี เวนเจอร์ ศรีราชา จำกัด แทน ด้วยทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 315 ล้านบาท”

บริษัทได้แบ่งที่ดินออกมา 5.5 ไร่ จากทั้งหมด 11 ไร่ โดยสามารถพัฒนาได้ 2 โครงการ โดยได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Yuu ศรีราชา คือ โครงการคอนโดฯ 29 ชั้น 285 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,750 ล้านบาท มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่  33.50-71.50 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 3.7-9 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยที่ 130,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งเปิดขายเป็นที่เรียบร้อย และ อีก 1 โครงการคือคอนโดฯสูง 30 ชั้น 295 ยูนิต ซึ่งคาดว่าจะเปิดการขายโครงการที่ 2 ได้ในปีนี้

“ลูกค้าที่ซื้อโครงการ Yuu ศรีราชา ต่างมองถึงมูลค่าที่จะสามารถเพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจากหลังรัฐบาลประกาศสนับสนุน EECแล้ว ส่งผลให้ราคาที่ดินติดถนนสุขุมวิทในย่านศรีราชามีราคาสูงถึง 100 ล้านบาท/ไร่ขึ้นไป ซึ่งโครงการ Yuu ศรีราชาเชื่อว่าจะสามารถปล่อยเช่าห้องขนาด 40 ตารางเมตร ได้ในราคา 40,000 บาท/เดือน โดยเจ้าของห้องชุดจะได้รับผลตอบแทน 6-7 เปอร์เซ็นต์ต่อปี” นพ.เชิดศักดิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มผู้ที่สนใจซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นคนกรุงเทพฯที่ต้องการซื้อเก็บไว้เพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศหลังที่สอง เพราะใช้เวลาขับรถเพียง 1 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯเท่านั้น 2. กลุ่มผู้ที่สนใจในการลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนกรุงเทพฯที่สนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างรายได้ และกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่สนใจจะซื้อไว้เพื่อลงทุนหรือใช้ชีวิตในวัยเกษียณ

นพ.เชิดศักดิ์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เราไม่ได้มองตัวเองเป็นดีเวลลอปเปอร์ เพราะธุรกิจหลักของเรายังคือรับเหมาก่อสร้าง แต่เมื่อมีโอกาสและมีช่องทางในการลงทุนในธุรกิจอื่นๆก็ไม่มีข้อจำกัดและพร้อมที่จะเข้าไปลงทุน โดยก่อนหน้านี้แสงฟ้าก็ได้ร่วมทุนพัฒนาอาคารสำนักงานและคอนโดฯมาแล้ว 3 โครงการ แต่นับจากนี้ไปหากจะมีการพัฒนาโครงการเองหรือไปร่วมทุนพัฒนาโครงการกับผู้ประกอบการรายอื่นก็จะเข้าไปถือหุ้นโดยบริษัท เอสเอฟซี เวนเจอร์ ศรีราชา จำกัด

สำหรับปีนี้บริษัทมีโครงการในมือที่จะส่งมอบในอนาคต(backlog)มูลค่าเกือบ 6 พันล้านบาท จึงคาดว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะทำรายได้ประมาณ 5.5 พันล้านบาท และอาจแตะ 1 หมื่นล้านบาทภายในปี 2563

52 ปีที่ผ่านมา บริษัทมุ่งมั่นพัฒนาการดำเนินงานเพื่อคุณภาพให้การบริการด้านการก่อสร้างที่มีคุณภาพสูงสุดเกินกว่าความต้องการของลูกค้า บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด กำเนิดขึ้นเมื่อปี 2510 โดยมีชื่อเดิมว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดแสงฟ้าการช่าง ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นบริษัทแสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด ในปี 2512 โดยในระยะเริ่มต้นรับเหมาเฉพาะงานเหล็กรูปพรรณเท่านั้น

            จากทุนจดทะเบียนเพียง 1 ล้านบาทเมื่อเริ่มต้น บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด ได้รับความไว้วางใจให้ดำเนินการก่อสร้างโครงการต่างๆจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่ต้องใช้เทคนิคในการทำงานสูง อาทิเช่น งานไซโล งานโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ของบริษัทผู้ผลิตปูนซีเมนต์ทุกราย และงานโรงเก็บเครื่องบิน เป็นต้น

            ปัจจุบันบริษัทมุ่งพัฒนาศักยภาพการบริหารงานก่อสร้าง โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างผลงานที่มีคุณภาพมาตรฐาน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดีที่สุดในทุกๆด้าน