32 ปี เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง ฝ่าวิกฤติเปิดแนวคิด “บริหาร–พัฒนา–ส่งเสริม” คาดจบปี 63 กุม Backlog มูลค่า 13,413 ล้านบาท

บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PLE ผู้รับเหมาก่อสร้างงานระบบมานานกว่า 32 ปี คว้างานสร้างศูนย์ราชการ กระทรวงมหาดไทย โดยเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดและได้รับการคัดเลือกเป็นผู้ชนะเสนอราคา เป็นเงินทั้งสิ้น 5,574.50 ล้านบาท ราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม จากราคากลาง 6,002.39 ล้านบาท

ทั้งนี้นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่ปลัดกระทรวมหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประกวดราคาจ้างก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย ลงนามในประกาศสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยโครงการนี้เป็นอาคารศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย หลังเดียว มี 4 อาคาร สูง 21 ชั้น มีพื้นที่รวมประมาณ 215,000 ตารางเมตร เป็นที่ตั้งของส่วนราชการ 6 หน่วยงาน ได้แก่ สป.มท. กรมการปกครอง กรมที่ดิน กรมการพัฒนาชุมชน กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

ลักษณะโครงสร้างอาคารจะถอยร่นจากแม่น้ำ 45 เมตร มีที่จอดรถและท่าเรือ บนที่ดินราชพัสดุ เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ประมาณ 18 ไร่ ย่านเจริญนคร ใกล้กับศูนย์การค้าไอคอนสยาม เดิมเป็นพื้นที่ขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว ตัวอาคารมีความสูง 21 ชั้น มีชั้นใต้ดินสำหรับจอดรถยนต์ 3 ชั้น ชั้น 1 เป็นลานอเนกประสงค์และเป็นโถงเข้าส่วนราชการทั้ง 6 หน่วยงาน ชั้น 2-5 อาคารจะเชื่อมต่อถึงกันเป็นหลังเดียว และตั้งแต่ชั้น 6 ขึ้นไปจะแยกอาคารออกเป็น 6 หลังจามส่วนราชการทั้ง 6 หน่วยงาน

สำหรับราคากลางคำนวณมูลค่า 6,002,390,000 บาท แบ่งย่อยเป็นใช้สำหรับสร้างที่จอดรถชั้น B1-B3 ค่าก่อสร้าง 1,732 ล้านบาท ,พื้นที่ส่วนกลางชั้น 1-5 และสวนหลังคาแบบ Roof Garden ค่าก่อสร้าง 1,423 ล้านบาท,กรมที่ดินอาคาร A ชั้น 6-19 ค่าก่อสร้าง 517 ล้านบาท,กรมการปกครอง อาคาร B ชั้น 6-21 ค่าก่อสร้าง 541 ล้านบาท,กรมการพัฒนาชุมชน อาคาร C ชั้น 6-15 ค่าก่อสร้าง 338 ล้านบาท,การส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น อาคาร D ชั้น 6-16 ค่าก่อสร้าง 371 ล้านบาท,กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อาคาร E ชั้น 6-16 ค่าก่อสร้าง 377 ล้านบาท,สำนักงานปลัดกระทรวง อาคาร F ชั้น 6-14 ค่าก่อสร้าง 361 ล้านบาท, ผังบริเวณศูนย์ราชการ ค่าก่อสร้าง 114 ล้านบาท,ค่าใช้จ่ายพิเศษอื่นๆตามข้อกำหนด 222 ล้านบาท และค่าครุภัณฑ์จัดซื้อเสาสัญญาณ Self Support ในส่วนอาคาร B วงเงิน 1,097,000 บาท

นอกจากนี้ PLE ยังสามารถคว้างานสร้างอาคารสถาบันวิทยาการ ท่าอากาศยานและการบิน และงานปรับปรุงภูมิสถาปัตยกรรมสำนักงานใหญ่ท่าอากาศยานไทย มูลค่ารวม 1,978 ล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันมีงานในมือ(Backlog) 23 โครงการ มูลค่า 13,413 ล้านบาท ซึ่งปีที่ผ่านมาช่วงปี 2560-2562 ส่วนใหญ่เป็นงานซับคอนแทร็ค เช่น งานระบบรัฐสภาใหม่ งานศูนย์ซ่อมบำรุง (เดโป้) รถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) และ สายสีเขียว (หมอชิต-คูคต) รวมถึง ศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีม่วง (เตาปูน-คลองบางไผ่) ศูนย์การค้าโซโห ศูนย์การค้าจังซีลอน ล่าสุดเป็นโครงการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ในส่วนอาคารเทียบเครื่องบินหลังที่ 1 วงเงินประมาณ 14,200 ล้านบาท ร่วมลงทุนกับผู้รับเหมาจีน

นายเสวก ศรีสุชาต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความสำเร็จและการเติบโตของ PLE ว่า ปัจจัยเบื้องหลังความสำเร็จของเพาเวอร์ไลน์ฯ ในฐานะผู้ก่อตั้งองค์กรที่เริ่มต้นจากการรวมตัวของกลุ่มวิศวกรหนุ่มไฟแรงที่มีความเชี่ยวชาญในแขนงต่างๆ จนวันนี้กลายเป็นผู้นำด้านด้านวิศวกรรมก่อสร้างและติดตั้งระบบประกอบอาคารในประเทศไทย ด้วยแนวคิดสร้าง–บริหาร–พัฒนา–ส่งเสริมแต่เราจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ เพราะในอนาคตบริษัทเองยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะนำเอานวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เข้ามาพัฒนาให้ทั้งทีมงาน องค์กร และผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อให้เราสามารถเติบโตไปด้วยกันได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

“หลายครั้งที่เพาเวอร์ไลน์ได้รับผลกระทบจากภาวะทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ อาทิ เมื่อปี 2540  ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ส่งผลกระทบต่องานรับเหมาก่อสร้าง หรือท่ามกลางการแข่งขันจากงานรับเหมาก่อสร้างเอง เราก็สามารถผ่านวิกฤติได้ด้วยการสนับสนุนทั้งจากภายในและภายนอกองค์กร อาทิ พนักงาน ทีมผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น ซัพพลายเออร์ ซับคอนแทรคเตอร์  รวมถึงลูกค้า และที่ปรึกษาโครงการ ที่ให้ความช่วยเหลือและให้การสนับสนุน ตัวอย่างเช่น พนักงานและทีมผู้บริหารที่ยอมที่จะลดเงินเดือนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ในช่วงที่บริษัทอยู่ในช่วงวิกฤติ เพื่อให้องค์กรเดินหน้าต่อไปได้ หรือซัพพลายเออร์คู่ค้าของเราที่ร่วมกันปรับวิธีการดำเนินการจ่ายเงินให้สามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤติร่วมกัน”นายเสวก กล่าว