“เพชร โอสถานุเคราะห์”คว้ารางวัลAsia’s Best CEOในงาน Asian Excellence Award 2019 บอร์ดกรรมการไฟเขียวลงทุนโรงงานขวดแก้วในประเทศเมียนมาร์

บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศมากว่า 128ปี  เข้ารับรางวัลดีเด่น“Asia’s Best CEO” และรางวัลงาน “Asian Excellence Award 2019

          นายเพชร โอสถานุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการบริหาร นางวรรณิภา ภักดีบุตร  กรรมการผู้จัดการใหญ่ และนางพรธิดา บุญสา รองกรรมการผู้จัดการสายการเงิน ตอกย้ำความเป็นเลิศในระดับสากล ด้วยการคว้ารางวัล ซีอีโอยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย(Asia’s Best CEO) รางวัลซีเอฟโอยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย(Asia’s Best CFO) รางวัลบริษัทนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย (Best Investor Relations Company: Thailand) และรางวัลสื่อสารองค์กรยอดเยี่ยม(Best Corporate Communications) จากงาน Asian Excellence Award 2019

สำหรับรางวัลดังกล่าวจัดโดยนิตยสาร Corporate Governance Asia สื่อชั้นนำด้านเศรษฐกิจและการกำกับดูแลกิจการที่ดีของเอเชีย เพื่อมอบให้แก่ผู้นำและองค์กรที่สร้างความเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม และได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งระดับประเทศและระดับสากล

อย่างไรก็ตามบริษัทได้แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส3/2562พบว่ามีกำไรสุทธิ 837.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเดียวกันปีก่อนกำไรสุทธิ 771.92 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น7.2เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 6,328 ล้านบาท โดยโตขึ้นทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล ขณะที่กำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 34.6เปอร์เซ็นต์ หรือ เพิ่มขึ้น 2.8เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากโครงการจัดทำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนโดยรวมของบริษัท งวด9 เดือน 2562 มีกำไรสุทธิ 2,436.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.9เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเดียวกัน ปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,216.31 ล้านบาท

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯยังอนุมัติลงทุนในบริษัท เมียนมาร์ โกลเด้น อีเกิ้ล จำกัด (MGE) และบริษัท เมียนมาร์ โกลเด้น กลาส จำกัด(MGG) ในประเทศเมียนมาร์ ในวงเงินไม่เกิน 8 ล้านดอลลาร์ หรือ 242.71 ล้านบาท โดย MGE ประกอบธุรกิจโรงงานผลิตขวดแก้ว และ MGG ประกอบธุรกิจจำหน่ายขวดแก้วในประเทศเมียนมาร์ โดยการลงทุนครั้งนี้เพื่อขยายธุรกิจต่างประเทศของบริษัท ซึ่งแหล่งเงินทุนมาจากกระแสเงินสดของบริษัท

ทั้งนี้บริษัทแจ้งเพิ่มเติมว่ามูลค่าการลงทุนโครงการนี้ จะมีมูลค่า 40 ล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 1,213.60 ล้านบาท แบ่งเป็น การจัดหาเงินทุนโดยออกหุ้น จำนวน 14.2 ดอลลาร์ หรือ 430.82 ล้านบาท การจัดหาเงินทุนโดยการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 25.8 ล้านดอลลาร์ หรือ 782.77 ล้านบาท

            ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ในประเทศ บริษัทฯยังคงการเติบโตของรายได้อยู่ที่ 4 เปอร์เซ็นต์ มาจากเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่มีส่วนผสมของสมุนไพร เช่น โสมอินซัม และฉลามกระชายดำ และเครื่องดื่มแบรนด์ ซี-วิต ซึ่งมีอัตราการเติบโตโดดเด่นที่ 149 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อน และสามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างเหนียวแน่น นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่ออกในไตรมาสแรกอย่าง เปปทีน พลัสที่เพิ่มคุณสมบัติช่วยในการมองเห็นนั้นก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดียิ่ง

ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล แบรนด์ ทเวลฟ์ พลัส เติบโตถึง 26.6 เปอร์เซ็นต์ จากความสำเร็จของผลิตภัณฑ์แป้งหอมเย็นทเวลฟ์ พลัส และ ทเวลฟ์ พลัส เพอร์ฟูม มิสท์ และแบรนด์ เบบี้มายด์ มีการทำกิจกรรม ท้าพิสูจน์ความหอมที่คุณแม่เลิฟอันดับ 1 ในส่วนของแบรนด์ เอ็กซิทเติบโตถึง 22.3 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการปรับแคมเปญการตลาดร่วมกับ BNK48 เกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี