อาซีฟา ครบรอบ 23 ปี ยื่นซองประมูลต่อเนื่อง ตั้งเป้าโกย Backlog 3 พันล้านบาท

บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน)(Asefa) ผู้นำในการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระจายและส่งจ่ายไฟฟ้า สวิตช์บอร์ดไฟฟ้าระบบควบคุมอัตโนมัติ ระบบบริหารจัดการพลังงาน รวมถึงบริการหลังการขายและบริการวิศวกรรมที่เกี่ยวข้อง

นายไพบูลย์ อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) หรือ ASEFA เปิดเผยในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน (Opportunity Day) ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 15 เปอร์เซ็นต์ โชว์ Backlog อีกกว่า 2 พันลบ. ทะยอยรับรู้รายได้มาตั้งแต่ปี 62  ยื่นซองประมูลงาน EEC -เอกชน 3 พันล้านบาท คาดได้ 30 เปอร์เซ็นต์รายละเอียดดังนี้

กรรมการผู้จัดการ ASEFA เปิดเผยเพิ่มเติมว่า บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานทั้งภาครัฐบาลและเอกชนซึ่งปีนี้ยังคงตั้งเป้าเดิมไว้ที่ประมาณ  3,000 ล้านบาท คาดหวังงานประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ โดยงานดังกล่าวมาจาก ระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน ,โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ,Internet of Things และพลังงานทดแทนต่างๆ เป็นต้น โดยปีนี้งานภาครัฐเพิ่มมากขึ้นกว่าปีก่อน

ปี 2562 ที่ผ่านมาบริษัทใช้งบการเงินกว่า 30 ล้านบาท ในการปรับปรุงเครื่องจักรเท่านั้น และจะลงทุนเพิ่มอีกครั้งในอีก 4-5 ปีข้างหน้า ซึ่งเราจะกลับมาคุยกันว่าเราจะต้องเพิ่มกำลังการผลิตอีกเท่าไรแต่จะเข้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ซัพพลายเออร์กับบริษัทที่เข้าร่วมประมูลในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่เป็น EEC project list ทั้ง 5 โครงการที่อยู่ระหว่างการเปิดซองประมูล ทั้งสนามบินอยู่ตะเภา ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เฟส 3 รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รวมทั้งอาคารในพื้นที่ เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) เนื่องจากโครงการเหล่านี้มีความจำเป็นที่ต้องมีการวางระบบไฟที่มีคุณภาพ มีการบริการที่ต่อเนื่อง และความสัมพันธ์ที่ดีที่เรามีกับกลุ่มบริษัทที่เข้าร่วมประมูล

การได้รับพอร์ตงานเหล่านี้ไม่เพียงต้องใช้ความร่วมมือกันมานาน แต่ต้องใช้ความชำนาญและศักยภาพของบริษัทที่ทำมา ซึ่งส่วนที่มาจาก EEC มีสัดส่วนกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ของพอร์ตงานทั้งหมด และแน่นอนว่ามันเป็นการประเมินหากโครงการใน EEC เกิดขึ้นจริงเริ่มเห็นการก่อสร้างในปี ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้ในอีก 5 ปีที่คาดจะเพิ่ม 50เปอร์เซ็นต์

กลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัทเป็นงานรับเหมาก่อสร้างงานเหมาระบบ ให้กับรายใหญ่ที่ทำโครงการขนาดใหญ่ เช่น กลุ่มคอมเมอร์เชียลบิลดิ้ง โรงแรม โรงไฟฟ้า อาคาร มีพอร์ตงานผลิต-จำหน่าย 60 เปอร์เซ็นต์ เช่น อุปกรณ์สวิตช์บอร์ดไฟฟ้า คอนโทรล และพอร์ตงานด้านบริการวางระบบ 40เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ตาม พอร์ตงานหลักของเราจะมาจากภาคการลงทุนของอุตสาหกรรม เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ดังนั้น เมื่อไรที่มีการลงทุนตั้งโรงงาน ก่อสร้างธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โครงการต่าง ๆ ขนาดใหญ่มากก็จะส่งผลให้เราได้อานิสงส์มากตามไปด้วย ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ ของพอร์ตงานเฉพาะการผลิตอุปกรณ์สวิตช์ไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ที่ 25,000 ล้านบาท

สำหรับในปีนี้บริษัทคาดว่ายังคงสามารถเติบโตได้เพราะหลายธุรกิจมีการลงทุน เราจะเห็นได้จากนโยบายของภาครัฐที่ทำให้เกิดโครงการใหญ่ ๆ มีการลงทุนของภาคอุตสาหกรรม มันสะท้อนให้เราเห็นว่านักลงทุนจากต่างประเทศมีความมั่นใจในตัวประเทศไทยมากขึ้น มีการบริโภคขึ้นในประเทศ มีการจับจ่ายใช้สอย แต่อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีนักลงทุนบางกลุ่มที่ยังต้องรอประเมินสถานการณ์ทางการเมืองอย่างเพื่อดูนโยบายของรัฐรวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจด้วย