องค์การเภสัชกรรม ทุ่ม 5,000 ลบ.ผุดรง.ยาเฟส 2 ชูผลงานเด่นรับรางวัล “อย.ควอลิตี้ อวอร์ด” 3 ปีซ้อน

องค์การเภสัชกรรม  ลงทุน 5,000 ล้านบาท ขึ้นโรงงานผลิตยาเฟส 2 ก่อสร้างคืบหน้าตามแผน คาดเปิดทำการผลิตยาจำเป็นในระบบสาธารณสุขปี 2565 ส่วนผลงานคุณภาพปลื้มรับรางวัลรางวัล “อย.ควอลิตี้ อวอร์ด” ประจำปี 2563 สถานประกอบการที่มีการรักษาคุณภาพมาตรฐานด้วยดี ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน

ดร.ภญ.มุกดาวรรณ ประกอบไวทยกิจ รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการก่อสร้างโรงงานผลิตยารังสิต ระยะที่ 2 บนพื้นที่ขององค์การเภสัชกรรม (คลอง10) อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ว่า ขณะนี้ ดำเนินการคืบหน้าไปแล้วประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ เร็วกว่าแผนงาน 30 วัน โดยได้ตอกเสาเข็มเสร็จแล้วทุกอาคาร ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการงานก่อสร้างฐานราก เช่น คาน พื้นชั้นหนึ่ง งานติดตั้งท่อระบบล่อฟ้า จากนั้นจะดำเนินการก่อสร้างชั้น 2 และชั้นอื่นต่อไป โดยได้มีการดำเนินคู่ขนานกับการจัดทำข้อกำหนดเครื่องจักรและคัดเลือกเครื่องจักร และเทคโนโลยีต่างๆ ที่ต้องใช้ในการผลิตยาและเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน GMP-PIC/S

“การดำเนินการก่อสร้างโรงงานนี้ มีผู้สังเกตการณ์จากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น(ประเทศไทย )เข้าร่วมเป็นสักขีพยานและให้ข้อแนะนำในการดำเนินการในขั้นตอนต่างๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ในการจัดซื้อจัดจ้าง การดำเนินงานต่างๆของโครงการและเป็นไปตามนโยบายองค์กรคุณธรรมขององค์การฯ”

โรงงานแห่งนี้สร้างเพื่อรองรับกำลังการผลิตยาที่ย้ายฐานการผลิตมาจากโรงงานที่ ถนนพระรามที่ 6 เพื่อผลิตยาจำเป็นต่างๆ รวมทั้งผลิตยารายการใหม่ที่ได้ทำการวิจัยและพัฒนาสำเร็จ และด้วยเป็นโรงงานที่มีการนำเทคโนโลยีที่การผลิตและควบคุมคุณภาพที่ทันสมัยระดับโลก ทำให้มีศักยภาพสูง เป็นโรงงาน Smart Industry ที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีระดับสากล นำระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีสมัยใหม่ อาทิ เทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) เทคโนโลยีดิจิตอล (Digital Technology) เทคโนโลยีหุ่นยนต์ (Robotics) เทคโนโลยีการเชื่อมโยงเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (Internet of Things : IoT) เทคโนโลยีระบบบริหารจัดการและควบคุมอาคารอัตโนมัติ (Building Automation System) เข้ามาใช้ในส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิต รวมถึงการจัดเก็บสินค้าใช้ระบบคลังอัตโนมัติ ASRS (Automated Storage and Retrieval System) เพื่อยกระดับการผลิต ช่วยให้คนไทยเข้าถึงยาคุณภาพได้มากขึ้นในราคาที่เป็นธรรม ด้วยกำลังการผลิตยาที่จะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ ช่วยชาติประหยัดค่าใช้จ่ายด้านยามากกว่ามูลค่าในปัจจุบันที่ประหยัดได้มากกว่าปีละ 7,500 ล้านบาท พร้อมยังเป็นการเสริมศักยภาพไทยด้านอุตสาหกรรมการผลิตยาเพื่อการส่งออกในอนาคตด้วย

สำหรับการก่อสร้างโรงงานผลิตยารังสิต ระยะ 2 จะใช้งบประมาณก่อสร้างทั้งสิ้นกว่า 5,000 ล้านบาท มีการวางเครื่องจักรที่ใช้ในระบบกว่า 700 รายการ เมื่อแล้วเสร็จจะกลายเป็นฐานผลิตยาน้ำ ยาฉีด ยาครีม/ขี้ผึ้ง ด้วยกำลังผลิตยาน้ำ 6 ล้านลิตรต่อปี ยาฉีด กว่า 34 ล้านขวดต่อปี ยาครีม/ขี้ผึ้ง กว่า 6 แสนกิโลกรัมต่อปี นอกจากนี้ยังเสริมกำลังการผลิตเม็ดบางส่วน ซึ่งมีกำลังการผลิตได้ถึง 6,000 ล้านเม็ดต่อปี พร้อมยังมีคลังสำรองวัตถุดิบ ได้ถึง 9,800 พาเลท คาดเปิดทำการผลิตได้ในปี 2565

            ด้านผลงานคุณภาพล่าสุดองค์การเภสัชกรรม ได้รับรางวัลอย.ควอลิตี้ อวอร์ด ประจำปี 2563 สถานประกอบการที่มีการรักษาคุณภาพมาตรฐานด้วยดี และได้รับรางวัล 3 ติดต่อกันอีกด้วย 

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงรางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ปี 2563 ตามโครงการส่งเสริมจริยธรรมสถานประกอบการผลิตภัณฑ์สุขภาพ ประจำปี พ.ศ. 2563 ว่า กระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์สุขภาพ ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดูแลอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ ปรับลดขั้นตอนและกฎระเบียบให้ทันสมัย เอื้อต่อการพัฒนาศักยภาพการผลิต ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ส่งเสริมการประกอบการที่มีคุณธรรม จริยธรรม รับผิดชอบต่อผู้บริโภค เพื่อให้สามารถแข่งขันทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทันเวลา เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการนำประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
          “ ขอแสดงความยินดีกับสถานประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ได้รับการคัดเลือกรับรางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด ประจำปี พ.ศ. 2563 ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน วิสาหกิจชุมชน รวม 71 แห่ง ทั้งด้านอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องสำอาง อาหารและยา ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ยึดหลักการในการผลิตที่รักษาคุณภาพมาตรฐานตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดอย่างต่อเนื่อง มีคุณธรรม จริยธรรมในการประกอบการด้วยความใส่ใจผู้บริโภค รับผิดชอบต่อสังคม มีส่วนร่วมทำให้ประเทศมีความน่าเชื่อถือจนได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
         ต่อจากนี้ไป อย. จะเป็น User friendly และ Service provider ที่พร้อมจะเข้าใจความจำเป็นของผู้ประกอบการ ทำให้เกิดความสะดวกแก่ผู้เข้ารับบริการ และผู้ประกอบการที่สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ สร้างรายได้ สร้างการจ้างงานให้กับประเทศ เกิดการหมุนเวียนเงินอัตราในระบบเศรษฐกิจ” นายอนุทินกล่าว