สู่ 44 ปีอย่างมั่นคง ปตท.หัวหอกผลักดันเศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน ตีกรอบงานแผนงานระยะ 5 ปี ปลุกเศรษฐกิจไทยด้วยงบประมาณมูลค่า 102,165 ลบ. ชู 2 รางวัลเด่น ตอกย้ำการบริการ – จัดการสู่องค์กรคุณภาพ

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานและปิโตรเคมีอย่างครบวงจร ตีกรอบแผนการลงทุนธุรกิจระยะ 5 ปี มูลค่ารวม 102,165 ล้านบาท นำองค์กรก้าวสู่ปีที่ 44 อย่างมั่นคงพร้อมชู 2 รางวัลเด่นตอกย้ำความสำเร็จในปี2565

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการเข้ารับรางวัลจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. ในครั้งนี้ว่า ปตท. ได้รับรางวัลชมเชยองค์กรโปร่งใส สะท้อนการยอมรับในความทุ่มเทของ ปตท. ต่อการบริหารจัดการองค์กรบนหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามมาตรฐานสากล ควบคู่ไปกับการดูแลสังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ซึ่งในปีนี้นับเป็นปีที่ 4 ที่ปตท.เคยได้รับรางวัลดงักล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยรางวัลองค์กรโปร่งใสจำนวน 2  ครั้ง และรางวัลชมเชยองค์กรโปร่งใสจำนวน 2 ครั้ง   สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจขององค์กรเพื่อดูแลความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน

 ทั้งนี้ ป.ป.ช. พิจารณาจากหลักเกณฑ์ 4 หมวด คือ ความพร้อมรับผิดชอบจากการปฏิบัติภารกิจหรือการให้บริการ, การปฏิบัติภารกิจที่ยึดมั่นในหลักนิติธรรม, การให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนของผู้ปฏิบัติงาน ปฏิบัติตามแนวทางจริยธรรมที่เป็นสากล และการมีระบบจัดซื้อจัดจ้างที่โปร่งใส มีการป้องกันการทุจริตและป้องกันการให้หรือรับสินบน เพื่อเป็นเกียรติยศแห่งคุณธรรม จริยธรรม และความซื่อตรงขององค์กร

สำหรับการบริหารงานในปีนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท.มีมติอนุมัติแผนวิสาหกิจและงบฯลงทุน 5 ปี ระหว่างปี 2565 – ปี 2569 รวมมูลค่าทั้งหมด 102,165 ล้านบาทแบ่งเป็นเงินลงทุนในหน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ 45  เปอร์เซ็นต์ ธุรกิจท่อส่งก๊าซธรรมชาติ 20 เปอร์เซ็นต์ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศและธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย 2 เปอร์เซ็นต์ ธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐานและสำนักงานใหญ่ 8 เปอร์เซ็นต์ และการลงทุนในบริษัทที่ ปตท.ถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 25 เปอร์เซ็นต์

            ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ปตท.พร้อมเดินหน้าลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในช่วง 5 ปีข้างหน้า ด้วยการลงทุนในธุรกิจหลัก เพื่อความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ อาทิ โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 7 เพื่อทดแทนโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 1 และโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 8 ซึ่งนำก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มาแยกเป็นผลิตภัณฑ์อีเทนและแอลพีจี รวมถึงถังเก็บผลิตภัณฑ์อีเทนและสถานีรับจ่ายเพื่อเพิ่มความสามารถในการนำเข้าผลิตภัณฑ์อีเทน รวมทั้งโครงการท่อส่งก๊าซฯ บางปะกง-โรงไฟฟ้าพระนครใต้ และโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ 5 ทั้งยังมีการลงทุนผ่านบริษัท ที่ ปตท.ถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ อาทิ การขยายขีดความสามารถของสถานีรับจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) แห่งที่ 2 (หนองแฟบ) โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3

            “ปตท.ยังได้จัดเตรียมงบฯลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปีข้างหน้าอีกจำนวน 238,032 ล้านบาท ตามกรอบวิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังแห่งอนาคต มุ่งเน้นธุรกิจพลังงานสะอาด ประกอบด้วย การลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน โดยวางเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 12,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 และลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ตลอดจนการขยายการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นพลังงานเปลี่ยนผ่าน (Transition Fuel) โดยมุ่งเน้นในการขยายโครงข่ายท่อส่งก๊าซธรรมชาติ(ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของภาครัฐ)และการขยายการลงทุนในธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลวอย่างครบวงจร (LNG Value Chain) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และขยายการลงทุนในธุรกิจอื่นนอกเหนือจากพลังงานอาทิ ธุรกิจ Life science (ยา Nutrition อุปกรณ์และการวินิจฉัยทางการแพทย์) เพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ให้เกิดขึ้นในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน รวมถึงธุรกิจโลจิสติกส์ และโครงสร้างพื้นฐาน” นายอรรถพล กล่าว

นอกจากนี้ ในวิกฤตโควิด-19 ที่ยังไม่ผ่านพ้นไป ปตท.ได้ช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนในโครงการลมหายใจเดียวกันเดินหน้าหน่วยคัดกรองโควิด-19 โรงพยาบาลสนามครบวงจร และสายด่วน 1745 End-To-End Mobile@1745 เพื่อเสริมความเข้มแข็งของสาธารณสุขไทย สนับสนุนนโยบายเปิดประเทศ ร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจ ให้เราผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ซึ่งผลดังกล่าวส่งผลให้ ปตท.ได้รับรางวัล องค์กรหัวใจทองคำเชิดชูผลงานสาธารณประโยชน์ ช่วยเหลือสังคมสู้ภัยโควิด-19ในปีนี้อีกด้วย โดยมีนางกนกพร รอดรุ่งเรือง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารชื่อเสียงองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เป็นตัวแทนเข้ารับโล่รางวัลองค์กรหัวใจทองคำจากนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในงาน GOLDEN HEART AWARD ซึ่งจัดโดยสมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ เพื่อเชิดชูเกียรติ และยกย่ององค์กรที่มีผลงานโดดเด่นเป็นรูปธรรม รวมถึงมีคุณประโยชน์แก่สาธารณกุศล ดูแลผู้สูงอายุ ผู้มีภาวะพึ่งพิง และผู้ด้อยโอกาส ในการบรรเทาสาธารณะภัยจากสถานการณ์โควิด-19

ทั้งนี้ ปตท. ตั้งปณิธานไว้ว่าจะสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากสถานการณ์โควิด 19 โดยจะยืนหยัดขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการทำงานของทุกภาคส่วน ด้วยเชื่อว่าคนไทยทุกคนล้วนมีลมหายใจเดียวกัน