วีนิไทย ติดอันดับ 1ใน 100 ESG 3 ปีซ้อน ผู้นำอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกและเคมีภัณฑ์ระดับโลก เปิดดีกรีองค์กรคุณภาพได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 100 บริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล 3 ปีซ้อน พร้อมเดินเครื่องเพิ่มกำลังการผลิตขยายตลาดโลก

บริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์พลาสติกและเคมีภัณฑ์สู่ลูกค้าในประเทศต่างๆทั่วโลก บริษัทยึดมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืน และมุ่งมั่นต่อการรับผิดชอบต่อสังคมเป็นเสมือนเสาหลักในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต

กลุ่ม บมจ. วีนิไทยผลิตและจำหน่าย  โซดาไฟ, ผงพลาสติกพีวีซี และ ผลิตภัณฑ์อีพิคลอโรไฮดรินฐานชีวภาพ ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ล้วนเป็นวัตถุดิบต้นน้ำที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากกับอุตสาหกรรมพื้นฐานนับตั้งแต่การก่อสร้าง, สารเคลือบผิว, ยานยนต์, อิเล็กทรอนิคส์ และสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งอุตสาหกรรมต่างๆดังกล่าวต่างก็เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก

ล่าสุดบริษัท วีนิไทย ได้รับการจัดอันดับจากสถาบันไทยพัฒน์ ให้เป็น 1 ใน 100 บริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG; Environmental, Social and Governance) หรือที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ซึ่งวีนิไทยได้รับการจัดอันดับติด 1 ใน 100 ต่อเนื่อง 3  ปี (2560-2562)

            สำหรับการจัดอันดับในครั้งนี้นับเป็นปีที่ห้าที่สถาบันไทยพัฒน์ ได้จัดอันดับ ESG 100 เพื่อตอบโจทย์การลงทุนที่ยั่งยืน โดยประเมินจากข้อมูลด้านความยั่งยืนของหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 771 บริษัท โดยอ้างอิงจากเอกสารรายงานหรือการระบุข้อมูลตามแหล่งและช่วงเวลาที่บริษัทเผยแพร่ไว้ต่อสาธารณะจาก 6 แหล่งข้อมูล อาทิ  แบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) รายงานประจำปี และรายงานแห่งความยั่งยืน ที่ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และข้อมูลผลสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียน (CG Scoring) สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) เป็นต้น

ด้านการผลิตขณะนี้บริษัทฯกำลังศึกษาและจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) สำหรับโครงการที่จะขยายกาลังการผลิตของบริษัทฯ ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง โดยกำลังการผลิตต่อปีหลังจากที่ได้ทำการขยายกำลังการผลิตที่บริษัทฯ ได้ใช้เป็นฐานข้อมูลในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีดังนี้ โซดาไฟ จำนวน 590,000 ตันต่อปี (ปัจจุบันมีกำลังผลิต 370,000 ตันต่อปี) ไวนิลคลอไรด์โมโนเมอร์ จำนวน 830,000 ตันต่อปี (ปัจจุบันมีกำลังผลิต 400,000 ตันต่อปี) โพลีไวนิลคลอไรด์ จำนวน 860,000 ตันต่อปี (ปัจจุบันมีกำลังผลิต 300,000 ตันต่อปี)

การจัดทำรายงานดังกล่าวนี้อยู่ระหว่างการจัดทำประชาพิจารณ์ (Public Hearing) เพื่อให้ประชาชนหรือชุมชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการกำหนดมาตรการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้ครบถ้วนรอบด้านมากที่สุดตามขั้นตอนในการขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการลงทุนในโครงการขยายกำลังการผลิตของบริษัทฯ ข้างต้น จะต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ (ขึ้นกับจำนวนเงินลงทุน) และเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบริษัทฯ จะแจ้งให้นักลงทุนทราบความคืบหน้าต่อไป

บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ตามข้อกฎหมายและพันธสัญญาในด้านธรรมาภิบาล สิ่งแวดล้อม การประเมินด้านสิ่งแวดล้อมได้รับการทบทวน เป็นประจำรวมทั้งดำเนินมาตรการแก้ไขและป้องกันเพื่อบรรเทาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและใช้ประโยชน์ทรัพยากร ทางธรรมชาติให้มากที่สุด ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้สร้างความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมแก่พนักงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ชุมชนเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมปกป้องสิ่งแวดล้อมในองค์กร อัน ได้แก่

• การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและประสิทธิภาพการใช้ พลังงาน

• การจัดการสารอินทรีย์ระเหยง่าย

• การจัดการของเสียและวัสดุเหลือทิ้ง

 ความรับผิดชอบด้านสังคม

วีนิไทยได้กำหนดนโยบายด้านบทบาทต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยระบุไว้ในคู่มือกฎบัตรการกำกับดูแลกิจการ ที่ดีซึ่งเป็นรากฐานของกฎการปฏิบัติงานอย่างยั่งยืนและ การดำเนินงานเพื่อความผาสุกของสังคมบริษัทฯ มีความมุ่งมั่น ในการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองที่ดีและดำเนินธุรกิจโดยตระหนัก ถึงหน้าที่และความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม รวมถึงส่งเสริมให้พนักงานตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งในการปฏิบัติหน้าที่การงานและการดำเนินชีวิต บริษัทฯ กำหนดแนวปฏิบัติที่ดีไว้ดังนี้

• สร้างธรรมเนียมปฏิบัติทางธุรกิจและดำเนินกิจกรรม ที่มีความรับผิดชอบและอำนวยประโยชน์ต่อสังคมทั้งใน ระยะใกล้และไกล และให้ความสำคัญในการทำธุรกรรมกับคู่ค้าที่มีเจตจำนงเดียวกันกับบริษัทฯ ในความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม

• ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และการพัฒนาทักษะทาง การศึกษาของเยาวชนและประชาชนทั่วไป รวมทั้งส่งเสริม การสร้างจิตสำนึกเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมในชุมชนและสังคมไทย

• ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง สร้างความเข้าใจ และรับฟังปัญหา และผลกระทบอันอาจเกิดขึ้นกับชุมชนโดยรอบ เพื่อบริษัทฯ จะได้จัดการแก้ไขได้อย่างเหมาะสม อันจะเป็นรากฐานของการ อยู่ร่วมกันระหว่างโรงงานและชุมชนอย่างไม่มีปัญหาขัดแย้ง และเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน

• ให้การสนับสนุนกิจกรรมสาธารณประโยชน์ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งกิจกรรมของท้องถิ่นที่บริษัทฯ ประกอบธุรกิจ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและประโยชน์ที่สังคมและชุมชน พึงจะได้รับอย่างยั่งยืน

• ให้การสนับสนุนกิจกรรมสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ และพร้อมจะให้ความร่วมมือ รวมถึงการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลเพื่อผลประโยชน์ของประเทศต่อไป • คำนึงถึงทางเลือกในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติโดยให้มีผลกระทบต่อความเสียหายของสังคม สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของประชาชนน้อยที่สุด ผลประโยชน์และความปรองดองระหว่างอุตสาหกรรมและสังคม