ควอลิตี้เฮ้าส์ เปิดตัวโครงการใหม่ปี 65 มูลค่ารวม 9.5 พันล้านบาท ดันยอดขายโต 23 เปอร์เซ็นต์ ทุบสถิติใหม่รอบ 4 ปี ตอกย้ำภาพลักษณ์เจ้าของรางวัล Asia Pacific Property Awards 2021

บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เจ้าของรางวัลออกแบบสถาปัตยกรรมสำหรับอาคารพักอาศัยรวมยอดเยี่ยมนำเสนอแผนการดำเนินธุรกิจปี 2565 ปักธงเปิดโครงการใหม่มูลค่า 9.5 พันล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายปี 2565 เติบโต 23 เปอร์เซ็นต์ ดันสู่ 9.2 พันล้านบาท สูงที่สุดในรอบ 4 ปี

นายประวิทย์ โชติวัฒนาพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยถึงเป้าหมายธุรกิจปีนี้ว่า สำหรับปี 2565 บริษัทวางแผนเปิดตัวบ้านเดี่ยวในตลาดระดับกลาง-บน 4 โครงการ มูลค่ารวม 7.22 พันล้านบาท หลังจากไม่มีการเปิดตัวในปี 2564 และทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ มูลค่ารวม 2.3 พันล้านบาท ส่งผลให้ในปีนี้จะมีโครงการเปิดใหม่ทั้งหมดรวมมูลค่า 9.5 พันล้านบาท สืบเนื่องจากบริษัทเลื่อนเปิดตัวบ้านเดี่ยวในปี 2564 จำนวน 1 โครงการ พฤกษ์ภิรมย์ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ มูลค่าโครงการ 2.76 พันล้านบาท

            สำหรับการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 50 เปอร์เซ็นต์ ใน 1H65 และอีก 50 เปอร์เซ็นต์ ใน 2H65 ซึ่ง SCBS มองบวกเล็กน้อยต่อแผนเปิดตัวโครงการของ QH เนื่องจากมูลค่าการเปิดตัวโครงการที่สูงกว่าปีก่อนจะช่วยสนับสนุนให้บริษัททำยอดขายได้ตามเป้า และโครงการที่วางแผนเปิดตัวในปี 2565 มีต้นทุนวัสดุก่อสร้างต่ำอยู่บางส่วน

กรรมการผู้จัดการ QH เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ปีนี้ตั้งเป้าดันยอดขายให้เติบโต 23 เปอร์เซ็นต์ สู่ 9.2 พันล้านบาท ซึ่งทำสถิติสูงที่สุดในรอบ 4 ปี โดย 90 เปอร์เซ็นต์ ของยอดขายเกิดจากโครงการแนวราบ และ 10 เปอร์เซ็นต์ เกิดจากคอนโด อย่างไรก็ตามช่วงท้ายปี 2564 มีแนวโน้มจะฟื้นตัวแตะระดับ 2 พันล้านบาท และเป็นสถิติที่สูงที่สุดของปี 2564 ขณะเดียวกันบริษัทสามารถปรับลดต้นทุนการดำเนินงานลงได้อย่าง ต่อเนื่อง ทั้งอัตราดอกเบี้ยจ่ายที่ทรงตัวในระดับต่ำ และต้นทุนขายรวมที่ลดลงได้อีกประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตามจากข้อมูลการวิเคราะห์ SCBS ใช้สมมติฐานว่าอัตรากำไรขั้นต้นของคอนโดที่มีสต๊อกคงค้าง 13 โครงการอยู่ในช่วง 20-22 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่โครงการคิว สุขุมวิท ซึ่งเป็นโครงการระดับลักชัวรีที่มีสต๊อกคงค้างมูลค่า 8.6 ล้านบาท สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ 33-35 เปอร์เซ็นต์ ถ้า QH เปิดตัวโครงการใหม่ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งมองว่ามีโอกาสสูงที่บริษัทจะทำยอดขายได้สำเร็จตามเป้า โดยที่ผ่านมาช่วงต้นปีราคาหุ้น QH ปรับลดลง 0.86เปอร์เซ็นต์ MoM อยู่ที่ระดับ 2.30 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.27เปอร์เซ็นต์ MoM สู่ระดับ 1,684.37 จุด

ทั้งนี้ SCBS คาดว่ากำไร 1Q65 จะเติบโต YoY แต่จะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ ในขณะที่มองว่า QH ด้อยกว่าคู่แข่งในแง่การฟื้นตัวของธุรกิจหลัก โดยปัจจัยบวกเพียงอย่างเดียวจะมาจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อย ซึ่งคาดว่าจะคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 77เปอร์เซ็นต์ ของกำไร แม้คาดว่า QH จะฟื้นตัวในปีนี้ โดยได้รับการสนับสนุนจากยอดขาย การเปิดตัวโครงการใหม่ และธุรกิจให้เช่า แต่ปัจจัยบวกเหล่านี้สะท้อนในราคาหุ้นไปเรียบร้อยแล้ว และมองว่าปัจจุบันราคาหุ้น Valuation แพง และมี Upside จำกัด

SCBS ประเมินรายได้ปี 2565 ไว้ที่ 9.26 พันล้านบาท โดยคาดว่า QH จะรับรู้รายได้จาก Backlog จำนวน 792 ล้านบาทภายในปีนี้ หรือคิดเป็น Secured Revenue ที่ 10 เปอร์เซ็นต์ สมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่ 30.4 เปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นจาก 29.8 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2564 โดยเกิดจากการมีสัดส่วนยอดขายจากโครงการใหม่เพิ่มมากขึ้นและรับรู้รายได้ภายในปีและรายได้จากธุรกิจให้เช่าที่ปรับตัวดีขึ้น ดังนั้นปี 2565 คาดการณ์กำไรสุทธิที่ 2.23 พันล้านบาท ในขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทย่อยซึ่งรวมกันจะคิดเป็นสัดส่วน 77เปอร์เซ็นต์ ของกำไรสุทธิ คาดว่าจะเติบโต 24 เปอร์เซ็นต์

สำหรับปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญ คือ 1. มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยมาตรการนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ทั้งกับผู้ประกอบการและผู้ซื้อ แต่มีข้อกำจัดคือใช้ได้เฉพาะกับบ้านราคาจับต้องได้ หรือไม่เกิน 3 ล้านบาท และ 2. การผ่อนคลายเพดาน LTV ซึ่งจะส่งผลบวกต่อกลุ่มที่อยู่อาศัย คือ 1. ช่วยหนุนให้โครงการเปิดใหม่เพิ่มขึ้น 10-15เปอร์เซ็นต์ ในปี 2565 2. ช่วยระบายสต๊อกคอนโด และ 3. เปิดโอกาสให้ปรับราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในปีนี้