กลุ่มดุสิตธานียิ้มผลงานไตรมาส 3/2564 ธุรกิจโรงแรมกระเตื้อง อัตราเข้าพักเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ วางแผนปรับตัวรับเทรนด์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่

บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิเผลประกอบการไตรมาส 3 ธุรกิจโรงแรมกระเตื้อง อัตราเข้าพักเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าปรับรูปแบบบริการ Dusit Graciousness สอดรับเทรนด์ท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการของกลุ่มดุสิตธานีในไตรมาสที่ 3/2564 แม้บริษัทฯ ยังมีผลขาดทุนสุทธิ แต่ก็ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2  ของปีนี้ และไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากธุรกิจโรงแรมที่กลับมากระเตื้องหลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้น โดยในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ประเทศไทยได้เปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ ซึ่งเป็นโครงการนำร่อง ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี

“ธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยของกลุ่มดุสิตธานีเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยมีอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจากการเปิดตัวโครงการภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์จะเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญแล้ว ประกอบกับการเตรียมความพร้อมของโรงแรมดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต ในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้มีอัตราการเข้าพักที่โรงแรมสูงขึ้นมาก

สำหรับธุรกิจโรงแรมของบริษัทในต่างประเทศในไตรมาส 3/2564 ยังคงมีอัตราการเข้าพักที่สูงกว่าอัตราการเข้าพักธุรกิจโรงแรมของบริษัทในประเทศไทยและยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงแรมดุสิตธานี มะนิลา โรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ และโรงแรมอื่นๆ ที่บริษัทรับจ้างบริหารในภูมิภาคตะวันออกกลาง

นางศุภจี กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าธุรกิจโรงแรมจะมีแนวโน้มดีขึ้น แต่บริษัทฯจะยังคงเกาะติดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มดุสิตธานีได้ดำเนินการนโยบายทางด้านการเงินอย่างระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด การลดสัดส่วนของต้นทุนและค่าใช้จ่ายคงที่ รวมถึงปรับแผนการลงทุนโดยชะลอการลงทุนใหม่ๆ ออกไป และการลดงบลงทุน

อย่างไรก็ตาม แม้จะเชื่อว่าการท่องเที่ยวได้ผ่านจุดที่ต่ำที่สุดไปแล้ว และสถานการณ์น่าจะดีขึ้นเป็นลำดับ แต่เนื่องจากมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ยากที่จะคาดการณ์ถึงผลกระทบในระยะต่อไป ดังนั้น สิ่งที่เป็นเป้าหมายหลักของเราในขณะนี้นอกจากการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ เราจะเดินหน้าอย่างระมัดระวัง รวมถึงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้