บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจกลุ่มอุตสาหกรรมอุปโภคบริโภค เจ้าของแบรด์ อายิโนโมะโต๊ะ,รสดี,ยำยำจัมโบ้,ช้างน้อย,Birdyฯลฯ
บริษัทให้ความสำคัญในเรื่องของสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคมใกล้เคียงโรงงาน ซึ่งได้กำหนดและออกมาตรการป้องกัน ควบคุม ตรวจสอบ และการดำเนินการอย่างเข้มงวด ที่จะปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบข้อบังคับและจะไม่กระทำการใดๆที่เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อม
เราไม่เคยหยุดยั้งที่จะพัฒนากระบวนการทำงาน สรรหาเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้ พร้อมส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืน โดยพยายามใช้ทรัพยากรและพลังงานที่ใช้แล้วหมดไปให้น้อยที่สุด ขณะเดียวกับก็เพิ่มการนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อลดปริมาณการใช้ทรัพยากรโดยรวม และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การปลูกจิตสำนึกของพนักงานทุกคนให้ตระหนักถึงความรับผิดชอบ ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้บริษัทมีกำหนดการเปิดให้สื่อมวลชนและผู้สนใจเข้าศึกษาดูงานโครงการผลิตพลังงานไอน้ำจากเชื้อเพลิงชีวิมวล(แกลบ)ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดที่ 02-1842728-32
นายสุรเดช เธียไพรัตน์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะประเทศไทยกรรมการบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะ เปิดเผยว่า บริษัทมีกระบวนการผลิตผงชูรสโดยการใช้แป้งมันสำปะหลังและโมลาสจากอ้อยมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตและยังสามารถนำแกลบ,ชานอ้อย,รวมถึงของเหลือทิ้งทางการเกษตรมาเป็นเชื้อเพลิงหม้อต้มไอน้ำ
อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวส่งผลให้บริษัทสามารถลดการนำเข้าน้ำมันเตากว่าปีละ 30 ล้านลิตร และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซค์ได้ปีละ150,000ตัน น้ำทิ้งที่เกิดจากกระบวนการผลิตนำมาผลิตก๊าซชีวภาพใช้เป็นแหล่งพลังงานภายในโรงงานลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซค์ได้ปีละ105,000 ตัน พร้อมกันนี้บริษัทยังให้ความสำคัญกับการดูแลชุมชนด้วยนโยบายสิ่งแวดล้อมการปลดปล่อยมลพิษเป็นศูนย์
นายประพนธ์ วงศ์ท่าเรือ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน หรือพพ. กล่าวว่าโครงการดังกล่าวมีเป้าหมายในการลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นในภาคอุตสาหกรรมและสร้างมาตรฐานการใช้พลังงานและเพิ่มประสิทธิภาพให้เกิดขึ้นโดยตั้งเป้าปี2561 – 2565 จะสามารถลดการใช้พลังงานไม่น้อยกว่า 100 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบและลดค่าใช้จ่ายไม่น้อยกว่า1,000 ล้านบาท
จากสถิติปี 2560 ที่ผ่านมาพบว่าการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรม มีปริมาณการใช้โดยภาพรวมที่ 20,726 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ ลดลง 5.0 เปอร์เซ็นต์ จากที่ในปี 2558 และในปี 2559 มีปริมาณการใช้ที่ 21,083 และ 21,807 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ