การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ประกาศแต่งตั้ง “นายนรินทร์ เผ่าวณิช” ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการไฟฟ้าฯ คนที่ 17 เข้มนโยบาย กฟผ. ต่อเนื่องพร้อมชู 2 รางวัลสุดยอดผู้นำเทรนด์แห่งปี “Future Trends Awards 2025” สะท้อนการสร้างสรรค์ผลงานอันโดดเด่นมุ่งขับเคลื่อนอนาคตและเศรษฐกิจของประเทศไทย
คณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (บอร์ด กฟผ.) มีมติในการประชุมครั้งที่ 8/2568 เห็นชอบเสนอชื่อนายนรินทร์ เผ่าวณิช รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการ กฟผ. คนที่ 17 ต่อจากนายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ซึ่งจะครบวาระในวันที่ 30 กรกฎาคม 2568
การพิจารณาเสนอชื่อดังกล่าว เป็นไปตามกระบวนการของ คณะกรรมการสรรหาผู้ว่าการ กฟผ. ซึ่งได้พิจารณาจากคุณสมบัติและประสบการณ์ของผู้สมัคร โดย ‘นรินทร์’ ถือเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่เติบโตภายในองค์กร มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการด้านพลังงานและเชื้อเพลิงในช่วงวิกฤตราคาพลังงานที่ผ่านมา
หลังจากบอร์ด กฟผ. มีมติแล้วนี้ ขั้นตอนต่อไปจะเสนอชื่อ ผ่านกระทรวงการคลัง, กระทรวงพลังงาน, และ รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล กฟผ. เพื่อดำเนินการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบอย่างเป็นทางการ โดยหาก ครม. เห็นชอบ การแต่งตั้ง ‘นรินทร์’ จะมีผลทันทีภายหลังการลงนามแต่งตั้ง และจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่องจากผู้ว่าการคนปัจจุบันที่กำลังจะครบวาระในปลายเดือนกรกฎาคมปี 2568
นโยบายและแผนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในปี 2568 มุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดและสร้างความมั่นคงทางพลังงานโดยมีเป้าหมายหลักคือการลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลและเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนนอกจากนี้ กฟผ. ยังให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจและการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของประชาชน
ประเด็นสำคัญของนโยบายและแผนของ กฟผ. ในปี 2568 ประกอบด้วย การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด กฟผ. มีแผนที่จะลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิลและเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม ความมั่นคงทางพลังงาน : แม้จะมีการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน กฟผ. ก็ยังให้ความสำคัญกับการรักษาความมั่นคงของระบบไฟฟ้า เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องและเพียงพอ
การบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ : กฟผ. มีการจัดทำแผนป้องกันและเตรียมพร้อมในการจัดการภาวะวิกฤตเพื่อบรรเทาผลกระทบและมีการตอบสนองที่มีประสิทธิผล การปรับตัวเพื่อรองรับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนไป:กฟผ. มีการปรับระบบเพื่อรองรับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไปของประชาชนในอนาคต การลดค่าไฟฟ้า:แม้ไม่ได้ระบุชัดเจนในนโยบาย แต่ กฟผ. มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณากรอบค่าไฟฟ้าในแต่ละงวดซึ่งอาจส่งผลต่อค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องจ่าย
การลดค่าไฟฟ้า : แม้จะไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่ กฟผ. มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพิจารณากรอบค่าไฟฟ้าในแต่ละงวดซึ่งอาจส่งผลต่อค่าไฟฟ้าที่ประชาชนต้องจ่ายโดยมีการพิจารณาปรับลดค่าไฟฟ้าในบางช่วงเวลา
การบริหารจัดการพลังงานหมุนเวียน : กฟผ. ตระหนักถึงความท้าทายในการบริหารจัดการพลังงานหมุนเวียนเนื่องจากความไม่แน่นอนของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ
บทบาทของ กฟผ.
ในระบบไฟฟ้ามีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการระบบไฟฟ้าตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางเพื่อให้ประชาชนได้รับไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
ด้านนางสาวรัชดาพร เสียงเสนาะ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและประชาสัมพันธ์องค์การ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และนางณิศรา ธัมมะปาละ
ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการธุรกิจนวัตกรรมพลังงาน กฟผ. เป็นผู้แทน กฟผ. เข้ารับ 2
รางวัล ได้แก่ รางวัลสุดยอดแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและดูทันสมัยมากที่สุด (The Most Future Brand) จากผลงานการสื่อสารแบรนด์ต่อสาธารณะ
สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย
และรางวัลองค์กรยอดเยี่ยมด้านการเปลี่ยนผ่านธุรกิจ (The Most Corporate Transformation) จากผลงานการดำเนินงานธุรกิจโซลูชั่นพลังงานไฟฟ้าของ กฟผ. (EGAT Smart Energy Solutions) ในงานประกาศรางวัลสุดยอดผู้นำเทรนด์แห่งปีFuture Trends Awards 2025 จัดโดย Future Trends บริษัทสื่อชั้นนำของประเทศไทย โดยมีองค์กรทั้งภาครัฐ เอกชน
แบรนด์ชั้นนำ
รางวัลดังกล่าว
ตอกย้ำการให้ความสำคัญในการสร้างแบรนด์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยที่แข็งแกร่ง
และมีคุณค่าต่อสังคม
รวมถึงเป็นองค์การที่มีความพร้อมรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน
เพื่อร่วมขับเคลื่อนอนาคตและเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน