16 ปีแห่งการสถาปนากรมทางหลวงชนบท คลอด 2 โครงการ มูลค่ารวม 12,863 ลบ. มุ่งพัฒนา – เชื่อมโครงข่ายคมนาคมแก้ปัญหาการจราจร

กรมทางหลวงชนบท (ทช.)ผู้พัฒนาเส้นทางหลวงชนบทเพื่อเชื่อมโครงการคมนาคมให้สะดวก และแก้ปัญหาจราจรอย่างบูรณาการมากว่า 16 ปี  โดยกระทรวงคมนาคมได้ออกกฎกระทรวง กำหนดให้กรมทางหลวงชนบทมีภารกิจเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านทาง หลวง การก่อสร้างและบำรุงรักษาทางหลวง ให้มีโครงข่ายถนน ระหว่างทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงท้องถิ่นฯลฯให้สมบูรณ์ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ

            สำหรับปีนี้ ทช.เปิดแผนยุทธ์ศาสตร์สร้างถนนสายใหม่เพื่อเสริมโครงข่ายการคมนาคมกรุงเทพโซนตะวันตก 2 โครงการ รวมมูลค่า 12,863 ล้านบาท โครงการดังกล่าวประกอบด้วย โครงการต่อเชื่อมสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยานนทบุรี1-กาญจนาภิเษก วงเงิน 3,663 ล้านบาท และโครงการถนนต่อเชื่อมถนนนครอินทร์-ศาลายา วงเงิน 9,200 ล้านบาท

            นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า โครงการต่อเชื่อมสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยานนทบุรี1-กาญจนา เงินลงทุน 3,663 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้างประมาณ 1,296 ล้านบาท และค่าเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ 2,367 ล้านบาท โดยมีพื้นที่ถูกเวนคืน 160 ไร่ หรือ 340 แปลง อาคารและสิ่งปลูกสร้างจำนวน 220 แห่ง

รูปแบบโครงการก่อสร้างถนนระดับดินขนาด 6-8 ช่องจราจร สะพานหรือทางยกระดับขนาด 4 ช่องจราจร พร้อมถนนระดับดินขนาด 2-3 ช่องจราจร และสะพานหรือทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร ซึ่งตามแผนที่วางไว้ในปี 2563 จะเริ่มสำรวจอสังหาริมทรัพย์ จากนั้นเริ่มเวนคืนในปี 2564 และเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2565 และคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 2567

อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยเพิ่มเติมว่า หากแล้วเสร็จจะบรรเทาปัญหาการจราจรของพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพโซนตะวันตกได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นโดยเฉพาะบนถนนราชพฤกษ์ที่มีปริมาณจราจรเพิ่มขึ้น หลังเปิดใช้สะพานนนทบุรี 1 รวมถึงยังสามารถรองรับปริมาณจราจรที่เพิ่มขึ้นจากการเจริญเติบโตของเมืองและลดขนาดพื้นที่ปิดล้อมขนาดใหญ่ของพื้นที่ในกรอบถนนบางกรวย-ไทรน้อย ถนนนครอินทร์ ถนนบางใหญ่-บางคูลัด และถนนกาญจนาภิเษก รวมถึงเป็นการส่งเสริมการพัฒนาด้านที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม

ขณะที่อีก 1 โครงการ คือการก่อสร้างถนนต่อเชื่อมถนนนครอินทร์-ศาลายา ปัจจุบันได้สำรวจและออกแบบรายละเอียดเสร็จแล้วคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 9,200 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้างประมาณ 4,600 ล้านบาท และค่าเวนคืนที่ดินประมาณ 4,600 ล้านบาท มีที่ดินถูกเวนคืนจำนวน 1,370 แปลง ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมและสิ่งปลูกสร้าง 87 หลัง ขณะนี้รออนุมัติรายงานอีไอเอตามแผนจะสำรวจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 จะเริ่มเวนคืนในปี 2564 และคาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างในปี 2565-2567

            โครงการนี้เป็นถนนตัดใหม่ขนาด 6 ช่องจราจร พร้อมทางต่างระดับ 2 แห่ง ก่อสร้างตามแนวตะวันตก-ตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ปิดล้อมขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ 90 ตารางกิโลเมตร มีแนวเส้นทางพาดผ่านพื้นที่ 2 จังหวัด 3 อำเภอ ได้แก่ อ.บางกรวย อ.บางใหญ่ ของ จ.นนทบุรี และ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ระยะทางรวม 12 กม.

            นายพิศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อโครงการแล้วเสร็จในอนาคตจะช่วยเพิ่มเติมโครงข่ายใหม่และเสริมประสิทธิภาพเส้นทางคมนาคม การจราจรที่ติดขัดพื้นที่โซนตะวันตกของกรุงเทพโดยเฉพาะบนถนนกาญจนาภิเษก ถนนบรมราชชนนี

เส้นทางดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นบนทางหลวงชนบท สาย นฐ.5035 ช่วงด้านเหนือของเดอะรอยัลเจมส์กอล์ฟแอนด์สปอร์ตคลับ ห่างจากทางหลวงชนบท สาย นฐ.3004 (ศาลายา-บางภาษี) ประมาณ 1 กม. จากหมู่บ้านอาภากร และหมู่บ้านอาภากร 3 ไปทางทิศใต้ประมาณ 250 เมตร ทางทิศตะวันออกใกล้คลองนราภิรมย์ และทางแยกต่างระดับศาลายา สภาพการใช้ที่ดินโดยรอบเป็นอาคารพาณิชย์ ที่อยู่อาศัยและที่ว่าง

            จากนั้นจะตัดผ่านทางหลวงชนบท สาย นบ.5014 ข้ามคลองสามท้าว ตัดทางหลวงชนบท สาย นบ.1001 ข้ามคลองจีนบ่าย คลองขุนเจน โดยแนวเส้นทางจะอยู่ทางทิศเหนือของศูนย์พัฒนาชีวิตใหม่ แล้วแนวจะเบี่ยงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ข้ามคลองลาดละมุด ผ่านทางหลวงชนบท สาย นบ.5035 ใกล้กับทางแยกเข้าวัดบางม่วง ข้ามคลองโสนน้อย ตัดผ่านทางหลวงชนบท นบ.1001 บริเวณซอยอินทนิล ผ่านพื้นที่โล่งด้านหลังหมู่บ้านศุภาลัยการ์เด้นวิลล์ ข้ามคลองบางนาและคลองประปา ก่อนเบี่ยงขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือผ่านพื้นที่ระหว่างหมู่บ้านมัณฑนากับโครงการบ้านเอื้ออาทร บางกรวย (วัดพระเงิน)

            “แนวจะอยู่ด้านทิศใต้ของวัดสุนทรธรรมิการาม ข้ามคลองหัวคู และเข้าบรรจบกับถนนกาญจนาภิเษกด้านตะวันตก บริเวณ กม.ที่ 11+997 เป็นจุดเชื่อมทางแยกต่างระดับบางคูเวียง เพื่อให้แนวเส้นทางต่อเชื่อมกับถนนนครอินทร์ได้โดยตรง ซึ่งสภาพการใช้ที่ดินปัจจุบันบริเวณโดยรอบจุดสิ้นสุดโครงการ มีอาคารพาณิชย์ ที่อยู่อาศัย(หมู่บ้านกฤษณา)และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ คือ พลัสมอลล์ โลตัส”นายพิศักดิ์ กล่าว