เจ.เอส.พี.ปลื้มติดท็อปเทนบริษัทอสังหาฯเตรียมลุยงานปี 61 หวังเป็นปีแห่งการสร้างผลกำไร

นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการบริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมของบริษัทว่าผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จในเรื่องเรเวนิว โกรท และมาร์เก็ตแชร์เนื่องจากได้มีการรีแบรนด์ใหม่ทำ J Touch Point และปรับโฟกัสสินค้าเน้นเปิดแนวราบ ในกลุ่มราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทเป็นพอร์ตรายได้หลักและปรับสไตล์การออกแบบเพิ่มนวัตกรรม J ID บ้านอัจฉริยะ

2 ปีที่ผ่านมาบริษัทเดินหน้าขยายเปิดโครงการอย่างต่อเนื่องโดยเปิดไปแล้วกว่า 20 โครงการ ทำให้ยอดขายโตขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะในปีนี้สามารถทำยอดรายได้สูงขึ้นถึง 60 เปอร์เซ็นต์สามารถเบียดแทรกขึ้นไปอยู่บนชาร์ตท็อป 10 ของแบรนด์อสังหาระดับคุณภาพที่มีรายได้สูงสุดเป็นที่รู้จักอันดับต้นๆของประเทศ

ทั้งนี้กลุ่มโปรดักส์ที่ทำให้เจ.เอส.พี.ได้รับการจัดอันดับและสามารถก้าวขึ้นมาอยู่บนท็อป 10 อสังหาฯ ของประเทศ ได้แก่โครงการกลุ่มทาวน์เฮ้าส์ แบ่งเป็น 2 เซ็กเม้นต์ 2 – 2.5 ล้านบาท มูลค่ารวมโครงการ 4,526 ล้านบาท ซึ่งกวาดรายได้ 2,869 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบจากปี 2559 และเซ็กเม้นต์ 3 – 5 ล้านบาท โครงการเจ แกรนด์ สาทร – กัลปพฤกษ์ มีมูลค่าโครงการรวม 610 ล้านบาท ซึ่งกวาดรายได้ 595 ล้านบาท และเป็นโครงการเพิ่งเปิดใหม่ไปเมื่อต้นปี

“สำหรับในครึ่งปีแรกของปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้เข้ามาแล้วกว่า 2,120 ล้านบาท และปัจจุบันมี Backlog อยู่ที่ 4,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงโค้งท้ายนี้บริษัทพยามเร่งโอนกรรมสิทธิ์โดยเน้นการทำการตลาดหนักขึ้นเพื่อให้ได้ตามแผนแม้ในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาจะมีการชะลอตัวเล็กน้อยแต่ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมนี้ทั้งยอดขายและยอดโอนคาดว่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้งทำให้รายได้ประมาณการรวมของปี 2560 ยังคงเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 4,500 – 5,000 ล้านบาท”

นายไพโรจน์ เผยว่าส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2561เป็นปีแห่งการสร้างการเติบโตของกำไรสุทธิให้เติบโตอย่างมั่นคงเพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นและนักลงทุน โดยปี 2561 จะเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ J Villa Exclusive วงแหวน – บางใหญ่ ราคาเริ่มต้น 4.49 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 590 ล้านบาท เนื้อที่รวมกว่า 27 ไร่ จำนวน 122 ยูนิต ตามด้วยโครงการ J Villa บางปะกง – บ้านโพธิ์ ราคาเริ่มต้น 3.5 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 305 ล้านบาท เนื้อที่รวมกว่า 26 ไร่ จำนวน 95 ยูนิต และโครงการบ้านเดี่ยว บางเสร่ – ชลบุรี ราคาเริ่มต้น 4.4 ล้านบาท มูลค่าโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท เนื้อที่รวมกว่า 57 ไร่ จำนวน 249 ยูนิต

โครงการบ้านแฝด จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ J City วงแหวน – บางใหญ่ ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 3 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 580 ล้านบาท เนื้อที่กว่า 35 ไร่ จำนวน 98 ยูนิต ต่อด้วยโครงการ J Villa รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง ราคาเริ่มต้น 4.1 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท เนื้อที่กว่า 29 ไร่จำนวน 189 ยูนิต และโครงการ The Theorist ราคาเริ่มต้น 12.9 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท เนื้อที่กว่า 9.5 ไร่ จำนวน 46 ยูนิต ซึ่งทำให้ในปีหน้าบริษัทฯ จะมีโครงการที่เปิดขายพร้อมกับทำการตลาดทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 30 โครงการ

อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้ารับรู้รายได้ในอนาคตปี 2561 ไว้ที่ 5,200 ล้านบาท โตเพิ่มขึ้นอีก 15เปอร์เซ็นต์และปักธงเน้นพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ระดับพรีเมี่ยมให้ติดท็อป10 แบรนด์อสังหา ในกลุ่มราคา 3 – 5 ล้านบาทให้ได้ภายในปีหน้านี้ ส่วนโปรดักส์ทาวน์เฮาส์หวังขยับขึ้นมาติดท็อป 5 ในตลาดต่ำกว่า 5 ล้านบาทให้ได้เช่นกัน