วันไทยฯเพิ่มกำลังผลิตส่ง”ยำยำ” ตีตลาดไทย-เทศ

วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร มุ่งมั่นปรับโฉมโลโก้และแพ็กเกจใหม่ ลุยตลาดบะหมี่สำเร็จรูปทั้งในไทยและต่างประเทศทั่วโลก พร้อมเดินแผนเพิ่มกำลังการผลิต พัฒนาบุคลากร รองรับการเติบโตในตลาดการค้าสากล

บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด ผู้ผลิตบะหมี่สำเร็จรูปเจ้าแรกของไทย ภายใต้แบรนด์ “ยำยำ” ผลิตครั้งแรกในปี 2514 และได้เติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนานสู่ปีที่ 49 และเมื่อปีที่ผ่านมาได้ทำการแตกโปรดักส์ไลน์เส้นบะหมี่รสชาติ ต่างๆอาทิ ยำยำรสหมูสับ ยำยำผัดขี้เมา ยำยำรสต้มยำ รสสุกี้ รวมถึงยำยำในรูปคัพ และได้ทำการรีเฟรชแบรนด์ใหม่ ด้วยการปรับโลโก้และแพ็กเกจใหม่ที่ใหญ่ขึ้น พร้อมชูคอนเซ็ปต์ ส่งความสุขที่มาจากความอร่อย โดยเพิ่มรอยยิ้มเข้าไปในโลโก้ เพื่อสื่อถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของยำยำในการส่งความสุขจากความอร่อยสู่ผู้บริโภค

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจของยำยำจัมโบ้จากนี้ไปจะเน้นการส่งมอบความสุขให้กับผู้บริโภคชาวไทยและอีก 50 ประเทศทั่วโลกซึ่งเสมือนเป็นการตอกย้ำ vision ของบริษัทฯ คือการมุ่งมั่นในความอร่อยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่ง ที่บริษัทฯเดินหน้าพัฒนาไม่หยุดยั้ง และในขณะเดียวกันการปรับโฉมใหม่ครั้งนี้ ยำยำ จัมโบ้ รสต้มยำกุ้ง สูตรใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิวัติรสชาติของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต้มยำกุ้งในปัจจุบัน โดยการนำกุ้งแท้ๆ มาผสมกับเครื่องต้มยำเพื่อให้ได้น้ำมันเครื่องปรุง โดยส่วนผสมทั้งหมดจะบรรจุอยู่ในซองรูปแบบใหม่ที่มีความเงางามจากซอง Metalize และสีทอง โดยสิ่งที่ทำทั้งหมดนี้ได้ดำเนินการไปเมื่อปีที่ผ่านมาและได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี

พร้อมทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยังมีจุดเด่นในการบริโภค ที่เน้นความสะดวกสบาย ราคาไม่แพง และความอร่อยของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังคงเป็นจุดขายที่แข็งแรงสามารถตอบสนองต่อวิถีชีวิตของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี โดยจากข้อมูลของสมาคมผู้ประกอบการบะหมี่สำเร็จรูปโลกรายงานว่า คนไทยบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากเป็นอันดับ 9 ของโลก เฉลี่ยคนละ 49 ซองต่อปี (อ้างอิง : World Instant Noodle Association) ในประเทศไทย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสเผ็ดมีส่วนแบ่งการตลาดใหญ่ที่สุดคือมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะรสเผ็ดเป็นรสชาติที่คนไทยชื่นชอบและคุ้นเคย

            นอกจากจะมีเปลี่ยนโฉมด้านรูปลักษณ์และรสชาติแล้ว อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ยำยำนำมาเป็นตัวถ่ายทอดและสร้างกระแสในการรีเฟรชแบรนด์ครั้งนี้ ยำยำได้เลือก ปู-ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก มารับหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ ด้วยคุณสมบัติความเป็นนักแสดงหญิงที่ได้รับการยอมรับว่าเซ็กซี่ที่สุดของประเทศไทยติดต่อกัน 3 ปีซ้อน

            ทั้งนี้ ยำยำจะเน้นกลุ่มผู้บริโภคเป็นกลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ เพราะจะได้มีประสบการณ์ในการกินยำยำ แต่ในภาพรวมใหญ่ กลุ่มเป้าหมายหลักของยำยำ คือสามารถทานได้ทั้งครอบครัว

            ปัจจุบัน ยำยำจัมโบ้ได้มีสัดส่วนการวางจำหน่ายในประเทศ 80 เปอร์เซ็นต์และต่างประเทศ  20 เปอร์เซ็นต์ โดยตลาดในประเทศ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองมีสัดส่วนยอดขายมากที่สุด คือ 85 เปอร์เซ็นต์ ตามด้วยยำยำแบบถ้วย 10 เปอร์เซ็นต์ และยำยำ สำหรับเด็กๆ ยำยำช้างน้อย 5 เปอร์เซ็นต์ 

            แม้จะมีสัดส่วนยอดขายมากกว่า แต่ในขณะเดียวกันตลาดบะหมี่สำเร็จรูปแบบซองกลับมีอัตราเติบโตเพียง 1-2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งน้อยกว่าตลาดบะหมี่สำเร็จรูปแบบถ้วย ที่มีอัตราการเติบโตถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ยำยำมุ่งเน้นทำการตลาดยำยำจัมโบ้ชนิดซอง แต่ก็ได้ให้ความสำคัญในรูปแบบถ้วยด้วย เนื่องจากมองเห็นการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยหลักมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาเน้นความสะดวกมากขึ้น

ในขณะที่ตลาดต่างประเทศก็นับว่าเป็นอีกช่องทางที่สำคัญในการเพิ่มยอดขายช่วงตลาดภายในประเทศเริ่มชะลอตัว จากสัดส่วนการส่งออก 20 เปอร์เซ็นต์ ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก อาทิ เกาหลี และตลาดมีแรงซื้อมหาศาลจากจีน ในขณะที่ตลาดทางอียูได้มีการจำหน่ายใน เยอรมัน ฝรั่งเศส ฮอลแลนด์ และบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายตลาดประเทศในกลุ่มอียูเพิ่มขึ้นด้วย

            การปรับสูตรและภาพลักษณ์ในครั้งนี้ หากประสบผลสำเร็จจะได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้มาก พร้อมทั้งช่วยผลักดันให้รายได้ปี 2562 ที่ผ่านมาเติบโตไม่ต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งบริษัทฯ จะสามารถประเมินแผนการลงทุนด้านโรงงาน เพื่อรองรับยอดขายที่จะเพิ่มขึ้น  

            ขณะที่แผนในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือพัฒนาสินค้าออกมาใหม่นั้น ยำยำเลือกลงสู้ศึกในตลาดรสชาติ อย่างต้มยำกุ้ง มากกกว่าการตัดสินใจออกรสชาติใหม่ เพราะเป็นตลาดใหญ่ ที่ผู้บริโภคคุ้นเคยอยู่แล้ว โดยการเพิ่มรสชาติให้จัดจ้าน และใส่ส่วนผสมกุ้งลงไป เพื่อให้รู้สึกถึง “ความคุ้มค่า” ในราคาเดิม น่าจะมีโอกาสแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดมาได้มากกว่าการออก รสชาติใหม่ ที่ต้องใช้สรรพกำลังมากกว่า และยังไม่รู้ว่าจะอยู่ในตลาดนานแค่ไหน เพราะส่วนใหญ่ออกมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า

            ด้านการพัฒนาบุคลากร บริษัทฯ มุ่งมั่นและพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะปรับปรุงและพัฒนาระบบการบริหารทรัพยากรมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพนักงานทุกคนที่อยู่ร่วมในองค์กร ของบริษัทฯจะได้รับการดูแลให้มีความสุขในชีวิตการทำงานภายใต้การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพนับตั้งแต่กระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคลากรที่มีคุณภาพ การฝึกอบรมและพัฒนาเพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ พัฒนาศักยภาพ ระบบความคิด และเพิ่มขีดความสามารถให้พร้อมรองรับนโยบายและกลยุทธ์ขององค์กรเป็นสำคัญ