ยักษ์ใหญ่ SMPC โชว์ดีกรี “CEO Awards”และ”Best Company Performance Awards “ ปี 64

สหมิตรถังแก๊สฯ เบอร์หนึ่งแห่งวงการผลิตถังแก๊สคุณภาพระดับโลก ประกาศความยิ่งใหญ่รับรางวัล CEO Awards และ รางวัล Best Company Performance Awards  จากเวที  SET Awards 2021 พร้อมชูแผน ขยายตลาดใหม่รุกทวีปอเมริกาใต้และแถบแอฟริกาเพิ่มขึ้น มั่นรายได้โตกว่า 10-15 เปอร์เซ็นต์ ปี 65

นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข  ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตถังแก๊สระดับโลกที่การันตีคุณภาพและมาตรฐานการผลิตจากลูกค้าทั่วโลก  และจากความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานทำให้บริษัทได้รับรางวัล CEO Awards จากเวที SET Awards 2021 จากจำนวนผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดที่ผ่านการคัดเลือก 12 ราย ที่เผชิญกับความท้าทายของผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมของวิกฤต COVID-19 แต่สามารถปรับตัวรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปได้อย่างแข็งแกร่ง อีกทั้ง SMPC ยังได้รับรางวัลบริษัทจดทะเบียนด้านผลการดำเนินงานยอดเยี่ยม (Best Company Performance Awards) จากตลาดหลักทรัพย์ฯและวารสารการเงินธนาคาร เป็นผู้มอบรางวัล SET Awards 2021 ครั้งที่ 18 ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ในรูปแบบ Virtual Ceremony เพื่อสอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อประกาศเกียรติคุณและเชิดชูบริษัทจดทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้บริหารสูงสุดของบริษัทจดทะเบียน ที่มีความโดดเด่นในด้านต่างๆ

ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.สหมิตรถังแก๊ส (SMPC)  กล่าวต่อว่า  บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายในปี 2565 จะเติบโต 10-15 เปอร์เซ็นต์หรือคิดเป็นจำนวนถังแก๊สที่ 9.2 ล้านใบ ขณะที่ปีนี้คาดว่าจะมียอดขายเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 10-15 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นจำนวน 8 ล้านใบ จากครึ่งปีแรกทำได้แล้วที่ 3.5 ล้านใบ

ขณะที่ครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ คาดแนวโน้มผลประกอบการจะเติบโตดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก จากมีออเดอร์ยาวไปจนถึงสิ้นปีนี้แล้ว ทำให้มั่นใจว่ายอดขายจะทำได้ตามเป้า ประกอบกับยังมีปัจจัยบวกจากลูกค้าสามารถรับภาระค่าใช้จ่ายจากสถานการณ์การส่งออกทางเรือได้มากขึ้น และแนวโน้มการอ่อนค่าของค่าเงินบาทส่งผลบวกต่อบริษัท ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้มีการขยายตลาดใหม่ๆ เพิ่ม ได้แก่ ในทวีปอเมริกาใต้ หลังจากที่ยอดขายในทวีปอเมริกาเหนือเติบโตแรง รวมถึงยังมีประเทศในแถบแอฟริกาที่ยังมีโอกาสการเติบโตอีกมาก ขณะที่ตลาด CLMV ก็มียอดขายดีขึ้นเช่นเดียวกัน

“แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังมีทิศทางสดใสขึ้น บริษัทมีคำสั่งซื้อยาวเกือบถึงสิ้นปี 2564 โดยเน้นการขายถังแก๊สขนาดใหญ่ (ถังสามส่วน) เพราะอัตรากำไรสูงกว่าถังขนาดเล็ก ขณะที่เงินบาทอ่อนค่า ลูกค้าสามารถรับภาระค่าขนส่งได้มากขึ้นกว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมา และบริษัทเน้นการขายแบบ FOB มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากค่าขนส่งที่อาจสูงขึ้นมาก แม้ปริมาณการขายถังก๊าซในช่วงครึ่งปีแรก จะทำได้ 3.5 ล้านใบ แต่ยังมั่นใจว่าทั้งปี 2564 จะขายได้ 8 ล้านใบ ตามแผน เพิ่มจากปี 2563 ที่ขายได้ 7.2 ล้านใบ” นายสุรศักดิ์ กล่าว

สำหรับสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ มาจากตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปแอฟริกา อเมริกาเหนือ และเอเชียแปซิฟิก มีสัดส่วนรวมกันมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของยอดขาย ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการใช้ LPG เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยทวีปแอฟริกาและเอเชียแปซิฟิกมีการคาดการณ์ว่าจะเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในช่วง 10 ปีข้างหน้า เนื่องจากยังเป็นตลาดที่มีอัตราการใช้แก๊สต่อประชากรที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ส่วนตลาดในประเทศมีสัดส่วนเพียง 3 เปอร์เซ็นต์ เป็นตลาดที่อิ่มตัว มีการบริโภคก๊าซ 32-33 กิโลกรัม/คน/ปี แต่เป็นตลาดที่ต้องมีการตรวจคุณภาพถังก๊าซทุกๆ 5 ปี ทำให้บริษัทมีรายได้บางส่วนจากการรับซ่อมและตรวจสอบคุณภาพถังสม่ำเสมอ

ส่วนสถานการณ์ราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลต่อบริษัทบางส่วน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากนโยบายการเสนอราคาของบริษัทเป็นแบบ Cost plus และลูกค้าบางรายที่เป็นออเดอร์ระยะยาว จะมีเงื่อนไขให้บริษัทสามารถเจรจาปรับราคาได้หากมีการเปลี่ยนแปลงของราคาเหล็กมาก ประกอบกับบริษัทยังคงมีสต๊อกเหล็กที่ราคาไม่สูงมากสำรองไว้จำนวนหนึ่ง จึงคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อมาร์จิ้นมากนัก ในทางกลับกัน แนวโน้มราคาเหล็กที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าบางรายตัดสินใจสั่งซื้อในปริมาณที่มากและเร็วขึ้น เป็นผลให้ยอดขายเติบโตมากขึ้นด้วย