กฟน. จัดงานวาระครบรอบ 61 ปี ขับเคลื่อนเมืองสู่มหานครอัจฉริยะ ก้าวเข้า 62 ปี อย่างมั่นคง ทันสมัย และยั่งยืน

การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ครบรอบ 61 ปี ของการสถาปนา มุ่งหน้าขับเคลื่อนมหานครอัจฉริยะ ส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก ยกระดับการบริหารสู่ยุค 4.0

นายกีรพัฒน์ เจียมเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เปิดเผยว่า ในนวาระครบรอบ 61 ปี ว่า กฟน.พร้อมพัฒนาการทำงานเพื่อมุ่งสู่ปีที่ 62 อย่างมั่นคง ด้วยภารกิจที่สำคัญในการขับเคลื่อนมหานครอัจฉริยะ Smart Metro Grid เดินหน้านำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน พร้อมขยายเส้นทางอุโมงค์สายส่งไฟฟ้าสร้างความเพียงพอมั่นคงให้ระบบไฟฟ้าใจกลางกรุง ส่งเสริมพลังงานทางเลือกให้บริการการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า พัฒนาแอปพลิเคชันของ กฟน. ให้มีความหลากหลาย ครอบคลุมทุกบริการแห่งอนาคต ยกระดับมาตรฐานความสะดวกในการขอใช้ไฟฟ้ารวดเร็วติดอันดับโลก พร้อมนำนวัตกรรมล้ำสมัยมาพัฒนาระบบโครงข่ายไฟฟ้าแห่งอนาคต ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม

            การพัฒนาคุณภาพงานบริการนั้น กฟน. มุ่งมั่นพัฒนาระบบการให้บริการและยกระดับคุณภาพงานบริการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นหน่วยงานให้บริการด้านระบบไฟฟ้าตัวแทนประเทศไทย ในการพิจารณาการจัดอันดับความยาก-ง่าย ในการประกอบธุรกิจในประเทศไทย ของธนาคารโลก (World Bank) โดย กฟน. ได้รับการจัดอันดับประเทศที่มีความสะดวกในการเข้าไปประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business) ของธนาคารโลก ในด้านการขอใช้ไฟฟ้า ประจำปี 2562 อยู่ในอันดับที่ 2 ของอาเซียน รองจากประเทศมาเลเซีย และเป็นอันดับที่ 6 ของโลก จาก 190 ประเทศทั่วโลก โดยขยับอันดับขึ้นถึง 7 อันดับ จากอันดับที่ 13 เมื่อปี 2561

ที่ผ่านมา ซึ่ง กฟน. มีความมั่นใจในการพัฒนาปรับปรุงด้านบริการให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง สามารถให้บริการขอใช้ไฟฟ้า ได้สะดวก รวดเร็ว สร้างความพึงพอใจให้กับผู้รับบริการ คาดว่า ทำให้การจัดลำดับ Doing Business ของประเทศไทยด้านการขอใช้ไฟฟ้า ในปี 2563 ที่จะถึงนี้ดีขึ้นกว่าปี 2562

นอกจากนี้ กฟน. ยังพัฒนาเทคโนโลยีอันทันสมัยด้วย MEA Smart Life Application เพื่อให้บริการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าซึ่งปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 1.5 ล้าน ครั้ง โดยมีฟังก์ชันเด่น ได้แก่ การขอใช้ไฟฟ้าใหม่ การตรวจสอบและชำระค่าไฟฟ้าผ่านบัตรเครดิต Mastercard Vis Internet Banking BluePay Wallet และช่องทางเคาน์เตอร์เซอร์วิสด้วย Bar Code – QR Code ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว แจ้งไฟฟ้าขัดข้องเพียง 2 คลิก ซึ่งรองรับด้วยระบบ FFM (Field Force Management) ทำให้สามารถแก้ไขไฟฟ้าขัดข้องได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ แสดงประวัติการใช้ไฟฟ้าย้อนหลัง 6 เดือนในรูปแบบกราฟที่ดูง่าย ไม่ซับซ้อน

 นอกจากนี้กฟน. ได้จัดทำ MEA EV Application ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันเพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับการตรวจสอบสถานีอัดประจุไฟฟ้า การจองหัวชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น โดย กฟน. พร้อมเดินหน้าเป็นผู้นำในการควบคุมจัดการระบบให้บริการที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า โดยพัฒนาและประยุกต์ใช้นวัตกรรมล้ำสมัยวิจัยพัฒนา เพื่อใช้กำกับดูแลและกำหนดหลักเกณฑ์ในการเชื่อมต่อกับระบบจำหน่ายไฟฟ้าในการสนับสนุนภาคธุรกิจ และส่งเสริมให้เกิดการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการจ่ายไฟฟ้าให้กับสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทให้มีความเพียงพอ มั่นคง ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ

จากสถิติ มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในกิจการ ตั้งแต่ปี 2555 ปัจจุบัน กฟน. มีสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้ารวม 12 สถานี และขยายเพิ่มเติมเป็น 21 สถานีภายในปี 2562 ทั่วเขตจำหน่ายของ กฟน. ล่าสุด พร้อมให้บริการออกแบบและติดตั้งเครื่องชาร์จไฟยานยนต์ไฟฟ้าภายในที่อยู่อาศัยของลูกค้าโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่ง กฟน. ยังคงสนับสนุนกับทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ในการขับเคลื่อนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้เกิดขึ้นในประเทศ เช่น บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA และ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าต่าง ๆ เช่น Nissan MG รวมทั้งกระทรวงพลังงาน แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของ กฟน. ในการเดินหน้าสู่ธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อรองรับการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งตั้งเป้าหมายไว้รวมทั้งสิ้น 1.2 ล้านคัน ภายในปี 2579

            ด้านการให้บริการผู้ใช้ไฟฟ้า กฟน. ปรับปรุงข้อบังคับอัตราค่าบริการการขอใช้ไฟฟ้าโดยยกเว้นการเรียกเก็บค่าบริการขอใช้ไฟฟ้า ทั้งการขอใช้ไฟฟ้าใหม่หรือการเปลี่ยนแปลงขนาดการใช้ไฟฟ้าให้แก่ผู้ขอใช้ไฟฟ้าทุกประเภท และยังได้ยกเว้นค่าบริการตรวจสอบสายใน หากติดตั้งสายไฟฟ้าภายในจากผู้รับเหมาที่ขึ้นทะเบียนกับ กฟน.อีกด้วย ไม่รวมถึงการขอใช้ไฟฟ้าประเภท 69/115 kV

ปีนี้เนื่องโอกาสวันคล้ายวันสถาปนา 61 ปี มีหน่วยงานภายนอกมากมายร่วมแสดงความยินดี ที่การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ คลองเตย อย่างหนาแน่น ภายในงาน กฟน. ได้บริจาคเงินช่วยเหลือมูลนิธิและหน่วยงาน องค์กรต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนได้เป็นอย่างดีถึงผลการดำเนินงานที่ดีเยี่ยมของ กฟน. ในฐานะองค์กรชั้นนำด้านธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมรองรับกับการเปลี่ยนของเทคโนโลยีในปัจจุบันและอนาคต ด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงพอ มั่นคง ปลอดภัย นวัตกรรมที่ล้ำสมัยที่พร้อมใช้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อขับเคลื่อนความสุขของวิถีชีวิตสังคมเมือง และก้าวสู่วาระปีที่ 62 ของ กฟน. อย่างมั่นคง ทันสมัย และยั่งยืน